ตารางข้อมูลอุปกรณ์สวมใส่ เกมฝึกเซียน immortal taoists
กองทุนรวม
คือการที่เราเอาเงินไปรวม ๆ กับคนอื่น
แล้วให้ผู้บริหารกองทุนนำเงินของพวกเราไปลงทุน
ผลกำไรหรือขาดทุนก็จะเป็นไปตามสัดส่วนที่เราได้ลงทุนไว้
ข้อดี
1.ไม่ต้องใช้เงินมาก
เดี๋ยวนี้เขามีแบบบาทเดียวก็ลงทุนได้แล้วนะ
2. เราไม่ต้องมานั่งลุ้น นั่งดูกราฟ
ดูว่าหุ้นมันขึ้นหรือมันลงให้เครียด เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่มีเวลา
3. มีหลากหลายระดับความเสี่ยงให้เลือก
4. ซื้อขายได้ง่าย ๆ หลายช่องทาง
เดี๋ยวนี้เขามีแอพแล้วนะแค่กด ๆ ในมือถือก็ซื้อขายได้ง่าย ๆ แล้ว
5. ถ้าอยากได้เงินสดก็สามารถขายคืนได้ ง่าย
ๆ เลย
6. มีการลงทุนหลายแบบให้เลือก
มีกองทุนหลายประเภทบางประเภทปลอดภัยใกล้เคียงเงินฝากธนาคารแต่ผลตอบแทนก็น้อย เช่นการลงทุนในพันธบัตร
บางประเภทก็เสี่ยงมากอย่างเช่นกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ
บางกองทุนก็ลงในทองคำ
7. LTF RMF ลดหย่อนภาษีได้จ้า
8. กลต.กำกับดูแลไม่ให้ผู้ลงทุนอย่างเราถูกเอาเปรียบ
ข้อเสีย
1. เราไม่สามารถตัดสินใจว่าเราจะซื้อหุ้นตัวไหน
หรือลงทุนในบริษัทไหนได้ ผู้จัดการกองทุนจะเลือกให้เรา
2. จะรู้ราคาซื้อขายได้เมื่อหมดวันทำการไปแล้ว
คือซื้อขายก่อนรู้ราคาจริง
3. ขายแล้วไม่ได้เงินทันที ต้องรอตามเวลาที่กองทุนกำหนด
4. มีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ
ผลตอบแทน
1. ไม่มีจ่ายปันผล
ผลตอบแทนเกิดจากการขายหน่วยลงทุน ซื้อถูกขายแพง
2.
แบบจ่ายเงินปันผลเมื่อมีกำไรตามที่กำหนด ส่วนนี้บุคคลธรรมดาจะถูกหักภาษีนะคะ
3. เมื่อผลตอบแทนเป็นที่พอใจ
กองทุนจะปิดอัตโนมัติแล้วจะขายคืนอัตโนมัติ แบบนี้ไม่ถูกหักภาษี
4. แบบกำหนดเป้าหมาย เช่นผลตอบแทน 10% ใน 10 เดือน ถ้าถึง 10% ก่อน 10
เดือนก็จะขายอัตโนมัติ แต่ถ้าครบ 10 เดือนแล้วยังไม่ถึงกองทุนก็จะปิดทันที
ขายอัตโนมัติ
ปีนี้มีสอบเกี่ยวกับอะไรบ้าง หลังจากที่เปิดรับสมัครกันไปแล้วก็เชื่อว่าทุกคนตอนนี้ตามหาหนังสืออ่านกันแล้วค่ะ เรามาดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้ก่อนไปสอบ ต้องอ่านอะไร มีวิชาไหน ข้อสอบแบบไหนบ้าง
วิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์แบ่งเป็นภาษาไทย 15 ข้อ และคณิตศาสตร์การใช้เหตุผล 35 ข้อ รวม 50 ข้อ
เกณฑ์ผ่านคือ 60% ฉะนั้นต้องตอบถูกไม่ต่ำกว่า 30 ข้อ
ภาษาอังกฤษ 25 ข้อ
เกณฑ์ผ่านคือ 50% ฉะนั้นต้องตอบถูกไม่ต่ำกว่า 13 ข้อ
ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี 25 ข้อ
เกณฑ์ผ่านคือ 60% ฉะนั้นต้องตอบถูกไม่ต่ำกว่า 15 ข้อ
Part แรก คือวิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์
คณิตศาสตร์
1. อนุกรม 5 ข้อ
มีด้วยกันอยู่ 4 - 5 รูปแบบ แนะนำว่าซื้อหนังสือมาอ่านเพื่อศึกษาว่ามันมีกี่รูปแบบ เช่น +2 แล้ว - 3 หรือ จับกลุ่ม แล้วเอามาลบ หรือคูณแบบกระโดด แล้วยกกำลัง จากนั้นก็ฝึกค่ะไม่มีใครช่วยได้ต้องฝึกอย่างเดียว มันอาจจะมีสำนักติวบางแห่งที่เขาจะให้เราจำเช่น ถ้าเห็นเลข 121 น่าจะคูณ 11 หรือหาร 11 อะไรแบบนี้ แต่หลัก ๆ แล้วมันไม่ตายตัว ไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเจอแบบไหน แต่ถ้าเราฝึกบ่อย ๆ เราจะรู้ว่าเห้ยแบบนี้มันควรจะคูณ ไม่ใช่บวก อะไรแบบนี้ค่ะ
2. เงื่อนไขสัญลักษณ์ 5 ข้อ
มีรูปแบบและเทคนิควิธีการในการหาคำตอบ ซึ่งไม่ยากจนเกินไปเพราะมันมีรูปแบบของมัน ซื้อหนังสือมาอ่านได้ค่ะ
3. คณิตทั่วไป 5 ข้อ
หวานหมูสำหรับผู้จบ ม.ปลายทุกคนแน่นอน เพราะเราเชื่อว่า เลข ม.ปลายยากกว่า มีสูตร คำนวนได้ เช่นการหากำไรต้นทุน หาเส้นรอบวง หาพื้นที่ หาสัดส่วน หาระยะทาง หาอายุ สูตรเยอะ จำไปหลาย ๆ สูตร ใน 5 ข้อจะมีโอเปอเรต 1 ข้อ โอเปอเรตสูตรก็ไม่มี หาหนังสืออ่านเอาเน้อเรื่องนี้ช่วยไม่ได้เพราะตอนสอบเราเทโอเปอเรต
4. ตารางข้อมูล 5 ข้อ
ส่วนที่เสียเวลาที่สุด เขาจะให้ตารางสถิติเรามาแล้วก็มีช่องเว้น ๆ บางช่อง แต่การหาคำตอบไม่ได้ง่าย ๆ นะคะ โจทย์มักจะให้เราเติมช่องว่างก่อนแล้วถึงเอาเลขในช่องว่างไปหาคำตอบ แต่ไม่ต้องเติมทุกช่องนะ หาเฉพาะที่เขาถามเดี๋ยวทำไม่ทัน ตัวเลขในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะ มีสูตรการคำนวนเหมือนคณิตทั่วไปค่ะ
5. อุปมา อุปไมย 5 ข้อ
ส่วนที่ทำผู้สอบมึนที่สุด เพราะมันออกอะไรก็ได้แล้วไม่มีหลักในการคิด เช่น ดินสอ : ปากกา เราก็คิดว่ามันเป็นประเภทเครื่องเขียน กับเครื่องเขียน คำตอบอาจจะเป็น ยางลบ : ลิขวิด (อุปกรณ์ที่ใช้ลบ) หรือ ไม้ : พลาสติก (วัสดุที่ทำ) หลากหลายมากทั้งคำถามและคำตอบ หลักเดียวที่มีคือความสัมพันธ์ของคำถามและความสัมพันธ์ของคำตอบแค่นั้น ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ กว้างสุด ๆ ยิ่งกว่ามหาสมุทรซะอีก
6. เงื่อนไขภาษา 5 ข้อ
สมัยก่อนเขาจะมาเป็นประโยคยาว ๆ แล้วก็ข้อ 1,2,3,... แล้วเวลาเราจะหาคำตอบเราก็จะไปวาดตารางกัน แต่เห็นว่าเดี๋ยวนี้มาเป็นตารางแล้ว มันมีวิธีในการคิดในการหาคำตอบถ้าเข้าใจวิธีคิดก็ง่าย ๆ เลย
ภาษาไทย
1. เรียงประโยค 5 ข้อ
ส่วนของภาษาไทยเป็นส่วนที่ต้องใช้ sense พอสมควร การเรียงประโยคเขาจะมี 1-5 ให้เราแล้วให้เรียงอะไรขึ้นก่อน ข้อความไหนอันดับ 2 อันไหนอันดับ 3 แบบนี้ บางอย่างจะมีวิธีดูเช่นเหตุมาก่อนผล หรือดูคำเชื่อม หรือควรลำดับฐานะขึ้นก่อนขึ้นหลังก็ดูตามความเหมาะสม แต่จริง ๆ แล้วมันไม่มีหลักอะไรเลยใช้ sense อะบอกเลย
2. บทความสั้น 10 ข้อ
ไม่ต่างจากข้อ 1 ใช้ sense เหมือนกัน เขาจะมีบทความให้แล้วให้วิเคราะห์ว่ากล่าวถึงเรื่องอะไร อะไรคือใจความสำคัญ ส่วนของภาษาไทยนี่ต้องคนอ่านเยอะ ฝึกเยอะ แล้วมันจะเกิด sense ว่าควรใช้อะไร ควรตอบอะไร
Part สอง คือ ภาษาอังกฤษ
1. บทสนทนา 5 ข้อ
ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการทำงาน เช่นจองที่พัก รับโทรศัพท์แทนเจ้านาย นัดประชุม บลา ๆ ๆ ได้หลายเรื่องแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคำศัพท์ในการทำงาน
2. แกรมม่า 5 ข้อ
สรุปง่าย ๆ คือเหมือนตอนเรียน จบ.
3. คำศัพท์ 5 ข้อ
แนะนำว่าให้ใช้สถิติเก่า อย่างน้อยน่าจะมีสักข้อสองข้อ กับอื่่น ๆ อีก คือเดาไม่ได้ว่าจะเอาอะไรมาออก บางทีก็เว้นช่องว่างให้เราหาศัพท์มาเติม บางทีก็คำที่ใช้แทนกัน กว้างยิ่งกว่ามหาสมุทร ไม่รู้จะออกอะไรบ้างท่อง ๆ ไปเถอะ
4. บทความ 10 ข้อ
มีทั้งรูปแบบบทความ ข่าว หรือจดหมาย อ่านข่าวต่างประเทศช่วยได้อย่างน้อยเราก็พอรู้ศัพท์บางคำทำให้เดา ๆ ได้
Part สาม คือ ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี
ถ้าคนที่มีพื้นฐานดีอ่านไม่เยอะเลยค่ะ การสอบ ก.พ.บางคนต้องเตรียมตัวเป็นปี เตรียมตัวตั้งแต่เปิดรับสมัคร ข้อสอบภาษาอังกฤษของ ก.พ.ง่ายกว่าตอนสอบจบมหาวิทยาลัยอีก คณิตทั่วไปเคยเรียนกันมาแล้วตอน ม.ปลาย ทบทวนกันอีกนิดหน่อย ใครที่แต่เดิมก็เป็นคนเก่งภาษาไทยอยู่แล้ว ก็สบายเลย เพิ่มแค่ข้อสอบที่ต้องวิเคราะห์ ใช้หลักเหตุผล ท่องจำกฎหมาย คนมีพื้นฐานดีใช้เวลาเตรียมตัวไม่ถึงเดือน ก็สอบผ่าน
แต่ถ้าใครพื้นฐานไม่ดี คณิตก็ไม่เก่ง ไทยก็ไม่เก่ง อังกฤษก็ไม่เก่ง ต้องรีบเตรียมตัวกันแล้วนะคะ ที่สำคัญตอนนี้รู้แล้วว่าออกอะไรบ้าง มีกี่ข้อ ข้อสอบจะมีทั้งข้อง่ายและข้อยาก ซึ่งข้อยากในแต่ละส่วนจะมี 1-2 ข้อ เช่นอนุกรม 5 ข้อ จะมียาก 1-2 ข้อเท่านั้น พวกข้อยากจะเสียเวลาคิดมาก ให้ทำท้าย ๆ ถ้าทำไม่ทันให้เทเลย
อันดับแรกคือทำสิ่งที่เราถนัดที่สุด เพราะสิ่งที่เราถนัดข้อง่ายเราได้เต็มแน่ ข้อยากก็อาจจะทำได้ด้วย เช่นบางคนถนัดไทย มี 15 ข้ออาจจะทำถูก 13 - 14 ข้อ Part แรกต้องการถูกไม่ต่ำกว่า 30 ข้อ เราทำได้เกือบครึ่งแล้ว ในส่วนของคณิตและการใช้เหตุผล เก็บอีก 16 - 17 ข้อ ก็ผ่าน บางคนถนัดอังกฤษ มี 25 ข้อ ทำได้ 23-24 ข้อก็ผ่านแล้ว
เอาส่วนที่เราถนัดมาชดเชยส่วนที่เราไม่ถนัด และต้องอ่านส่วนที่ไม่ถนัดด้วย เช่นไม่ถนัดอนุกรมเลย มี 5 ข้อเนี้ย อย่างน้อย 3 ข้อต้องทำให้ได้ เราต้องเก็บข้อง่ายในทุกส่วนให้ได้ ปรากฎว่าสุดท้ายเวลาหมด เราทำตารางไม่ทัน 5 ข้อเราเทเลย ทำได้นะ แต่เราต้องมั่นใจมาก ๆ ว่าที่ทำได้ถูกชัวร์ ถ้าไม่ชัวร์พยายามเก็บข้อง่ายของทุกส่วนให้ครบ ข้อยากชั่งมัน เราต้องการแค่ผ่าน
การสอบ ก.พ.ไม่ได้แข่งขันกับใคร มันไม่มีจำนวนจำกัด เราแข่งกับตัวเอง แค่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ คือผ่าน ไม่อยากให้เน้นจุดนี้จุดนั้น ให้เลือกที่เราถนัดไม่ถนัดอะไร มันจะประหยัดเวลาอ่าน ถ้าเราไปเน้นจุดที่เราไม่ไหวจริง ๆ เราจะเสียเวลาเตรียมตัวไปมาก ๆ
ขอให้ทุกคนสอบผ่านค่ะ
แบบฝึกหัดบทที่ 2
ชุดที่ 1
1. จงเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาจีน และ Pinyin
1) คุณยุ่งไหม? ............................................... 4)
พ่อเขายุ่งมาก ...............................................
2) ภาษาจีนยากไหม? ..................................... 5)
ภาษาจีนไม่ยาก ...............................................
3) เธอไม่ค่อยยุ่ง ............................................... 6) คุณสบายดีไหม? ...............................................
2. จงเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาไทย และ Pinyin
1) 我不太忙. ............................................... 4) 我很好. ...............................................
2) 汉语不难. ............................................... 5) 汉语难吗? ...............................................
3) 他的爸爸忙吗? ............................................... 6) 你好吗? ...............................................
3.
จงเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาจีน
และ Pinyin
1)
ใหญ่เกินไป ............................................... 4) ยากเกินไป ...............................................
2)
ขาวเกินไป ............................................... 5) ไม่ค่อยดี ...............................................
3)
ดีจังเลย ............................................... 6) ยากมาก ...............................................
4.
เติมคำในช่องว่าง
A: 你 ……………. 吗 ?
B: 我不 …………… 好.
A: 你 ……………. 吗 ?
B: 我…………… 忙.
A: 汉语 ……………. 吗 ?
B:
………….…. 太难.
A: 你 爸爸 妈妈 好 …………….. ?
B: 他们 ………….. 很好.
A: ................ 爸爸 忙吗?
B:………….
很忙.
เฉลย
1. จงเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาจีน และ Pinyin
1) คุณยุ่งไหม? 你忙吗? Nǐ máng ma?
2) ภาษาจีนยากไหม? 汉语难吗? Hànyǔ nán ma?
3) เธอไม่ค่อยยุ่ง 她不太忙 Tā bù tài máng.
4) พ่อเขายุ่งมาก
他的爸爸很忙 Tā de
bàba hěn máng.
5) ภาษาจีนไม่ยาก 汉语不难 Hànyǔ bù nán.
6) คุณสบายดีไหม? 你好吗?
Nǐ hǎo ma?
2. จงเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาไทย และ Pinyin
1) 我不太忙 ฉันไม่ค่อยยุ่ง Wǒ bù tài máng.
2) 汉语不难. ภาษาจีนไม่ยาก Hànyǔ bù tài nán
3) 他的爸爸忙吗? พ่อของเขายุ่งไหม? Tā de bàba máng ma?
4) 我很好. ฉันสบายดี Wǒ
hěn hǎo
5) 汉语难吗? ภาษาจีนยากไหม? Hànyǔ nán ma?
6) 你好吗? คุณสบายดีไหม? Nǐ hǎo ma?
3.
จงเขียนประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาจีน
และ Pinyin
1)
ใหญ่เกินไป 太大了 tài dà le 4) ยากเกินไป 太难了 tài dà le
2)
ขาวเกินไป 太白了 tài bái le 5) ไม่ค่อยดี 不太好 bù tài hǎo
3)
ดีจังเลย 太好了 tài hǎo le 6) ยากมาก 很难 hěn
nán
4.
เติมคำในช่องว่าง
A: 你 好 吗 ?
B: 我不 太 好.
A: 你 忙 吗 ?
B: 我很忙.
A: 汉语 难 吗 ?
B: 不 太难.
A: 你 爸爸 妈妈 好 吗. ?
B: 他们 都 很好.
A: 你. 爸爸 忙吗?
B. 他 很忙.
