วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

จัดระเบียบบ้าน : ตู้เสื้อผ้า 1

สวัสดีค่ะ วันนี้จะพูดถึงเรื่องการจัดระเบียบบ้าน
การจัดระเบียบบ้านแตกต่างจากการทำความสะอาดบ้าน
เพราะการทำความสะอาด คือการทำให้มันดูสะอาด
ถ้าทำห้องหนังสือ ก็คือการปัด กวาด เช็ด ถูก เอาหนังสือไปรวม ๆ กันที่ใดที่หนึ่ง
แต่การจัดระเบียบ คือการคัด แยก เรียงเป็นหมวดหมู่ และวางในที่ที่เหมาะสม
ฉะนั้นการจัดระเบียบ จึงต่างจากการทำความสะอาด

แน่นอนว่าวันนี้หัวข้อของเราคือตู้เสื้อผ้า ปัญหาโลกแตกของสาว ๆ
มีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่บอกว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่ แล้วก็ซื้อเข้ามาใหม่ทุกเดือน
หรือหาเสื้อผ้าตัวเก่งไม่เจอ หรือไม่ได้ใส่เสื้อมานาน เมื่อหยิบมาใส่ปรากฎว่าซีด และมีรอยปลวกแทะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตู้เสื้อผ้าล้น

เรื่องตู้เสื้อผ้า จะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนแรกจะเกี่ยวกับการคัดเลือกเสื้อผ้า
ตอนที่ 2 คือการจัดเสื้อผ้าที่คัดแยกแล้วใส่ตู้
และตอนที่ 3 คือการจัดของจิปาถะ เช่นผ้าห่ม ผ้านวม ผ้าม่าน กระเป๋า ฯลฯ

ก่อนที่จะเริ่ม ขอถามก่อนว่าคุณรู้สึกยังไง เปิดประตูเข้าบ้านมา
แล้วเจอเสื้อผ้าแขวนตามที่ต่าง ๆ ของตัวบ้าน
มีราวตากผ้าในห้องรับแขก ห้องทำงาน
ตู้เสื้อผ้าล้นจนใส่เข้าไปได้ยาก จะหาเสื้อผ้าแต่ละทีเสียเวลาไปเยอะ

ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นสะใภ้จุฑาเทพ เมื่อหม่อมเอียดมาเยี่ยมบ้าน
แล้วเปิดประตูเข้ามา เห็นสภาพนี้คงเป็นลมหัวใจวายตายไปแล้ว
คุณไม่รู้สึกอะไรกับสภาพที่เป็นอยู่จริง ๆ หรอ

อย่าบอกนะไม่มีเวลา
เพราะถ้าคุณจัดมัน คุณจะไม่เสียเวลาหาเสื้อผ้า ไม่เสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่
ที่สำคัญไม่เสียสุขภาพด้วย เพราะเสื้อผ้ามันอมฝุ่น

เพราะฉะนั้นแล้วขั้นแรกในการจัดการกับมันคือการเอาเสื้อผ้าทั้งหมดของคุณ ที่มีในบ้าน
ไม่ว่าจะไปซุกที่ใดก็ตามออกมากองรวมกันค่ะ กองเป็นภูเขาไปเลย
คุณจะได้เห็นว่าตัวเองมีเสื้อผ้ามากมายแค่ไหน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กองเสื้อผ้า

หลังจากทำใจกับกองภูเขาเสื้อผ้าแล้ว ให้เราหยิบขึ้นมาทีละตัวค่ะ
แล้วถามตัวเองว่าเสื้อตัวนี้จำเป็นไหม ใส่บ่อยแค่ไหน
เสื้อผ้าที่ตัดสินใจง่ายที่สุดคือเสื้อผ้าที่เราหยิบมันมาใส่บ่อย ๆ ค่ะ
ถ้าเราใส่บ่อย แปลว่าเราชอบ ใส่แล้วสวยดูดี มีความสุข
เก็บไว้ค่ะ ในทางตรงกันข้าม เสื้อผ้าที่หยิบขึ้นมา
แล้วบอกตัวเองว่าฉันจะไม่ใส่มันอีก
เช่นเลอะคราบกาแฟซักไม่ออก ไม่มีวันใส่มันแน่ ๆ
ก็โยนทิ้งไปเลยค่ะ 
ให้เลือกจากตัวที่ตัดสินใจง่ายก่อน

ต่อมาจัดการกับเสื้อผ้าที่ตัดสินใจยาก หรือจริง ๆ คุณรู้สึกว่าตัดสินใจง่าย
แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิด เช่น เก็บไว้เผื่อผอม
สิบปีที่แล้วก็พูดแบบนี้ ผ่านไป สิบปี 
จากไซต์ S กลายเป็น XL คุณยังคิดว่าจะผอมอีกหรอ
และถึงคุณจะผอมจริง ๆ เสื้อผ้าที่ทั้งเก่า ทั้งซีด
คุณยังจะกล้าเอามาใส่อีกหรือ 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ขอกำหนดตัวเลขง่าย ๆ ในการตัดสินใจค่ะ 1,3
ถ้าเสื้อผ้าชุดนั้นเป็นชุดแฟชั่นที่นิยมในช่วงนั้น ๆ และคุณซื้อเพราะมันกำลังฮิต
ถ้าผ่านไปแล้ว 1 ปี ไม่เคยหยิบมาใส่อีกเลย ให้บริจาคไปค่ะ

ถ้าเสื้อผ้าตัวนั้นเป็นชุดที่ไม่ได้แฟชั่นมาก ใส่ได้อยู่ ยังสวย สภาพดี
แต่คุณไม่ได้ใส่มันบ่อย ๆ อาจเพราะเป็นชุดราตรี ชุดไทย
ที่ต้องใส่ออกงาน และงานประเภทนี้ไม่ได้ไปทุกปี
เป็นชุดที่ไม่ตกยุค ถ้าไม่ได้ใส่เลยมา 3 ปีแล้ว ให้ทิ้งไปเลยค่ะ หรือบริจาค

ข้อสังเกตเผื่อหลาย ๆ คนแยกไม่ออก ชุดแฟชั่น คือชุดที่นิยมในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
เช่นปี 70s นิยมกางเกงยีนส์ขาม้า ปี 80s นิยมใส่กางเกงผ้าสีเลื่อม ๆ สะท้อนแสง
เมื่อตกยุคก็ไม่มีใครเอามาใส่กัน มันเชย 
ส่วนกางเกงสแลคสีดำ หรือกางเกงยีนส์ขากระบอก เป็นทรงที่ใส่ได้
ทุกยุค ทุกสมัย ไม่ว่าจะปี 70s 80s 90s จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมใส่เรื่อยมา

ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเราหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วดูมัน ชุดนี้ฉันใส่ เก็บไว้
ชุดนี้ฉันไม่ใส่ ทิ้งไป มันจะมีชุดจำพวกหนึ่ง
คือชุดที่คุณคิดว่าจะใส่ เผื่อได้ใส่ เก็บไว้ก่อนก็ได้ และถ้าเลือกแบบนี้
คนส่วนใหญ่จะเก็บมันเอาไว้ และรกตู้ต่อไปเพราะคุณจะไม่ได้ใส่มันเหมือนตอนที่คิด

ให้ใช้วิธีของ การจัดระเบียบของ KonMari นักจัดระเบียบบ้าน 
คือให้ถามตัวเองว่าเสื้อผ้าชุดนี้ทำให้มีความสุขหรือไม่
หยิบขึ้นมาลองทาบกับตัว มองซ้ายมองขวา
ถ้าคุณไม่ชอบ ตัวนี้ฉันใส่แล้วขาใหญ่เป็นตอม่อเลย
ตัวนี้ใส่แล้วพุงปลิ้น อ้วนเผละ ใส่แล้วคุณรู้สึกแย่
คุณจะตัดสินใจโยนลงถังง่ายกว่าการคัดว่าจะใส่หรือไม่ใส่เสียอีก

หรือบางชุดเราใส่แล้วไม่สวยหรอก แต่เป็นชุดที่พ่อแม่ซื้อให้ แฟนซื้อให้
มันมีความหมายกับคุณ คุณมักหยิบออกมาใส่ในโอกาสพิเศษ 
แบบนี้ก็เก็บไว้ค่ะ

ให้ดูว่าเสื้อผ้าชุดนั้น จุดประกายความสุขให้คุณหรือไม่
ถ้าคัดแยกเสื้อผ้าแบบนี้มันตัดสินใจง่ายขึ้นมากเลยค่ะ

มีครั้งนึงฉันซื้อเสื้อมาสวยถูกใจมาก แต่เมื่อกลับมาบ้านเอามาลองใส่
ปรากฎว่ามันไม่พอดีตัว มันเหมือนแหนมอะ ฉันก็บริจาคโดยไม่ลังเล
แม้ว่าเสื้อตัวนั้นจะซื้อมาไม่ถึง 1 วันก็ตามที

ประโยชน์ที่ได้จากการจัดบ้านและคัดเสื้อผ้า คือคุณจะรู้ว่ามีเสื้อผ้าเท่าไหร่
บางคนมีกางเกงใน 50 ตัว ทุกวันคุณจะรื้อ ๆ ตู้ หาตัวที่่ยางยืดไม่ย้วย
แต่เมื่อคุณจัด กางเกงในหายไปมากกว่าครึ่ง เหลือไม่ถึง 20 ตัว 
ทุกตัวสภาพดี พับเป็นระเบียบ เช้ามาเห็นแล้วชื่นตาชื่นใจ
มีความสุข สุขภาพจิตดี ไม่ต้องเสียเวลาหาของ
ประหยัดเวลา ประหยัดพื้นที่
คุณจะรู้ทันทีว่ามีกี่ตัว และควรต้องซื้อเพิ่มเมื่อไหร่

การจัดบ้านจึงเป็นการบำบัดจิตอย่างหนึ่ง
การคัดเสื้อผ้าก็เหมือนการคัดเอาสิ่งที่ค้างคาในใจเราออกไป
และในตอนเช้าเมื่อเริ่มต้นด้วยความสุข ไม่หงุดหงิดกับการหาของ
หรือเร่งรีบ คุณก็จะมีความสุขไปทั้งวัน

เอาไปใช้กันนะคะ แล้วมาต่อในตอนที่ 2 กับการพับผ้า จัดเก็บใส่ตู้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น