วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

รีวิว ทุ่งรวงทอง

นิยายแปลจีนสายชิล โปรดระวังโดนสปอย 
เป็นนิยายที่ได้ลิขสิทธิ์ให้แปลและเผยแพร่ในไทยผ่านเว็บแล้ว 
มีให้อ่านฟรีเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็ต้องเสียเงินเติมเหรียญเพื่อซื้อ

เนื้อเรื่องแนวเกิดใหม่ ย้อนยุค ทำอาหาร 



นางเอกตายแล้วมาเกิดใหม่ในร่างของเด็ก ที่โดนป้าตัวเองทำร้าย
กลายเป็นเด็กอ่อนแอขี้โรค แต่นางมาพร้อมกับไอเทมพิเศษ 
หินศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย และเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ด้วย

แต่ชีวิตไม่ง่าย เมื่อย่า (แม่เลี้ยงของพ่อ) รักแต่ลูกคนเล็ก มีอะไรก็ให้
ครอบครัวของนางเอกก็อด ๆ อยาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ทั้งครอบครัวต้องพึ่งพาการหาเงินของบ้านนางเอกหมด

แล้วไม่ใช่เพียงแค่เธอที่ข้ามมา ยังมีคนอื่นอีกที่ตายแล้วมาเกิดใหม่
ในดินแดนนี้อีก ชีวิตไม่ง่ายจ๊ะ ต้องสู้ชีวิต
เพราะในอดีตเคยทำเกษตร เคยทำร้านอาหารส่งน้อง ๆ เรียน
ก็จะใช้ความรู้เดิมที่มี ช่วยครอบครัว

ส่วนตัวแล้วเรื่องนี้ชอบมาก แม้ว่าจะเป็นแนวชิล ๆ แต่ก็ไม่ได้เรียบเรื่อยมาก
ชีวิตมีอุปสรรค ดราม่าครอบครัว เนื้อหาเข้มข้น ไม่ดราม่าจ๋านะ
อารมณ์นิยายที่มันต้องมีตัวร้าย ธรรมดา ๆ นั่นแหละ ชวนให้น่าด่า
หรือหมั่นไส้แค่นั้น  เพราะเรื่องนี้แนวสายชิลมากกว่า

ใครชอบแนวนี้ ก็คุ้มแก่การเสียเงินซื้อตอนอ่านค่ะ



ลิงก์อ่านนิยาย

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ความรู้ความสามารถทั่วไป (คณิต และสถิติ)

          ในการสอบ ความรู้ความสามารถทั่วไปของ ก.พ. นั้นนอกจากอนุกรมแล้ว ยังมีที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์โดยแบ่งเป็น 

          คณิตศาสตร์ทั่วไป 5 ข้อ ใน 5 นี้จะใช้ความรู้ที่เรียนในระดับมัธยม มีการคำนวนหากำไร ขาดทุน เส้นรอบวง หาพื้นที่ แก้สมการ และอื่น ๆ ซึ่งจะมีข้อยากอยู่ 1 ข้อ ใครที่ถนัดคณิตศาสตร์แล้วละก็ ส่วนนี้จะง่ายสำหรับคนนั้นมาก ๆ ค่ะ เพราะสามารถใช้สูตรต่าง ๆ ในการคำนวนได้ ส่วนคนที่ไม่เก่ง ก็ฝึกคำนวนแล้วจำสูตรเอาไว้ให้แม่น ๆ ค่ะ

          สถิติ มี 5 ข้อ โจทย์ข้อสอบสถิติ จะมีตารางข้อมูลมาให้ ในตารางนั้นตัวเลขจะไม่ครบค่ะ ถ้าข้อสอบออกง่าย ๆ ก็จะให้หาคำตอบของช่องที่ว่างเอาไว้ แต่ถ้ายากหน่อยละก็ การหาคำตอบ จะให้หาตัวเลขในตารางให้ได้ก่อนจะนำไปคำนวนอีกรอบหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีข้อที่ยากมาก ๆ 1 ข้อ เช่นกัน และเป็นข้อสอบส่วนที่ใช้เวลาในการหาคำตอบนานที่สุดด้วย  ส่วนนี้ติวเตอร์ทั้งหลายมักเรียกกันเล่น ๆ ว่า "ข้อสอบตาราง"

          สดมภ์ ข้อสอบจะมีประมาณ 4-5 ข้อค่ะ จะมาในรูปตาราง ก. ตาราง ข. มีเศษส่วน และ สแควรูทด้วย 

          โอเปอร์เรต มีประมาณ 2 ข้อ ค่ะ 

          ข้อสอบในส่วนนี้ ที่เกี่ยวกับตัวเลขก็มีประมาณนี้ค่ะ ส่วนที่เหลือจะเป็นความรู้ความสามารถทั่วไป ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเลขแล้ว ขอแยกไปอีกบทความหนึ่งค่ะ

          เนื่องจากพลอยไม่เก่งคณิตศาสตร์ ไม่อาจสอนหรือแนะนำได้มากมายนัก และถ้าใครติดตามอ่านบทความซีรีย์เกี่ยวกับการสอบข้าราชการ ก็จะทราบว่าในการทำข้อสอบ ก.พ.ภาค ก. พลอยเลือกทำส่วนที่ตัวเองถนัด และอ่านส่วนที่ตัวเองชำนาญดีแล้วเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เต็ม หรือเกือบเต็ม เพื่อนำคะแนนมาถัวเฉลี่ยกับส่วนที่ทำได้ไม่ดี 

          ในบทความนี้ จึงขอแนะนำสูตรในการคำนวนให้เท่านั้น ส่วนเทคนิคต่าง ๆ ในการคำนวนให้เร็วและแม่นยำ แนะนำให้เพื่อน ๆ หาจากสำนักติว ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีติวฟรีลงใน YouTube และหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญค่ะ

สูตร

1. ร้อยละ = จำนวนที่ต้องการหา หาร ฐานที่ใช้เทียบ คูณ 100
2.อัตราส่วนต่าง  A-B นวนที่ต้องการหา หาร ฐานที่ใช้เทียบ คูณ 100
3.อัตราส่วนต่าง A-B หาร B คูณ 100
4. หาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า = กว้าง คูณ ยาว
5. หาปริมาตรทรงกรม = 4/3 x พาย x รัศมี 3
6. หาพื้นที่สามเหลี่ยม = 1/2 x ฐาน x สูง
7. หาพื้นที่วงกลม = พาย x รัศมี2
8.ร้อยละที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง = จำนวนที่เพิ่มหรือลด x 100 / จำนวนฐาน
9. ความเร็ว = ระยะทาง / เวลา
10.เวลาที่สวนทางกัน = ระยะทางทั้งหมด / ผลรวมของความเร็ว


นิยาม ความหมาย

Xบาร์ (ค่าเฉลี่ย) =  เอาทุกตัวบวกกันแล้ว หาร จำนวน 

ฐานนิยม  =   ตัวที่ซ้ำกันมากที่สุด

มัธยฐาน  =  ตัดตัวแรกและตัวสุดท้ายไล่ทีละคู่จนเหลือตรงกลาง ถ้าเหลือตัวเดียวให้ตอบเลย แต่ถ้าเหลือ 2 ตัวให้บวกกันแล้วหาร 2 จะได้คำตอบ

พิสัย =  เอาค่ามากที่สุด ลบ ค่าน้อยที่สุด


อนุกรม

          อนุกรมคือการหาความสัมพันธ์ของตัวเลข ในการสอบ ก.พ. ไม่ว่าจะระดับใดจะมีข้อสอบ อนุกรม 5 ข้อ 1 ใน 5 จะเป็นข้อที่ยากที่สุด มีความซับซ้อนมากที่สุด เรามาดูวิธีคิดอนุกรมกันก่อนค่ะ

1. แบบคงที่ แบบนี้จะมีการเพิ่มขึ้น หรือลดลง ที่คงที่ อาจมีมากกว่า 1 ชั้น เช่น

5  10  15  20  25  30 ....

สังเกตได้ว่ามีการ บวก เพิ่มขึ้นครั้งละ 5 เลขถัดไปจึงเป็น 35

60   50  40  30  20  ......

สังเกตได้ว่ามีการ ลบ ลงครั้งละ 10 เลขถัดไปจึงเป็น 10

2     6      18     54    162   ....

สังเกตได้ว่ามีการนำเลขด้านหน้า คูณ ด้วย 3   เลขถัดไปจึงเป็น 486

32    16     8    4      ......

สังเกตได้่ว่ามีการนำเลขด้านหน้า หาร ด้วย 2 เลขถัดไปจึงเป็น 2  

2. แบบไม่เท่ากัน  แบบนี้จะเพิ่มขึ้น ลดลง โดยใช้ บวก ลบ คูณ และ หาร ด้วยตัวเลขที่ไม่เท่ากัน แต่จะใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่ง

2  12  60  240   270 ....

ข้อนี้ จะคูณ 6 และลดลงเรื่อย ๆ เลขสุดท้ายเป็น 1,440

10   16   19     25    28  ......

สังเกตได้ว่ามีการ บวก 6 และ บวก 3 สลับกันไป เลขถัดไปจึงเป็น 34

3. แบบสลับ  จะเพิ่มขึ้น ลดลง โดยใช้ บวก ลบ คูณ และหาร สลับกัน เช่น คูณด้วย 2 แล้วลบด้วย 4

2   4    3    6    5  .........

ข้อนี้จะใช้เลขหน้า คูณ 2 แล้ว ลบ 1 สลับกันไป เลขถัดไปเป็น 10

ซึ่งอนุกรมทั้ง 3 แบบสามารถสร้างให้ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น

9   8    7   14   28   ......

แบบนี้จะ  ลบ 1 ลบ 1 และ คูณ 2 คูณ 2 สลับกันไปเรื่อย ๆ เลขถัดไปเป็น 27

ทั้ง 3 แบบ ยังทำเป็นอนุกรมหลายชั้นได้อีกด้วย เช่น

2   8    20    44   92    ....

วิธีคิด 2+6 เป็น 8 จะเห็นว่า 8 ต้องบวก 12 ถึงเป็น 20  และ 20 ต้องบวก 24 ถึงเป็น 44 นั่นหมายความว่า ตัวที่ทำมาบวก จะนำไป คูณ 2 ก่อนทุกครั้ง ในข้อนี้ตัวบวกตัวแรกคือ 6 นำ 6 คูณ 2 เป็น 12 เลข 8 จึงบวก 12 เป็น 20 ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ตัวถัดไปคือ 188

นอกจากนี้การเพิ่มขึ้น ยังเป็นรูปแบบเลขยกกำลังได้อีกด้วย เช่น

4   9   16   25   .....

เลขถัดไปเป็น 36 วิธีคิดคือ 2 ยกกำลัง 2 ตัวถัดไปเป็น 3 ยกกำลัง 2 ตัวถัดไป 4 ยกกำลัง 2 ไล่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ

นอกจากเลขยกกำลังแล้ว ยังสามารถเป็น เศษส่วน ได้อีกด้วย

อนุกรมที่มีความซับซ้อนขึ้นมาอีกขั้น คืออนุกรมแบบผสม การดูอนุกรมแบบนี้เราจะข้ามตัวเลขไปบางตัว เช่น

22   18     20    23    18    28    16    .......

เลขถัดไปเป็น 33 วิธีคิด จะกระโดดข้ามตัวเลขไป 1 ตัว โดยตัวแรกจะ ลบ 2 และตัวถัดไป บวก 5 สลับกันไป  18 +5 = 23 +5 = 28 + 5 = 33

4. แบบแบ่งกลุ่ม แบบนี้จะเป็นการแบ่งกลุ่มตัวเลข ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีความสัมพันธ์กันเอง  เช่น

 9  8  1   8  6  2   6  5  1   5   5   .....

วิธีคิด  9 - 1 = 8     8 - 2 = 6   6 - 1 = 5   5 - 0 = 5  ตัวเลขถัดไปจึงเป็น 0

2  3  1   4  3  2  5  4  3  6  5  ...

วิธีคิด  2 +3+1 = 6    4 + 3 +2 = 9  5+4+3 = 12    6+5+4 = 15  ตัวเลขถัดไปคือ 4
ข้อนี้สังเกตว่า ผลบวกแต่ละกลุ่มจะเพิ่มขึ้นทีละ 3 ตัวอย่างนี้นอกจากเป็นแบบแบ่งกลุ่มแล้วยังเป็นแบบคำนวน 2 ชั้นอีกด้วย


          เราจะรู้ว่าข้อใดใช้วิธีคิดแบบใด อยู่ที่ความชำนาญในการฝึกฝน ข้อสอบแบบอนุกรมนี้ ไม่มีหลักคิดหรือหลักการเดาใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้สอบต้องฝึกฝนให้ชำนาญ เมื่อหัดทำข้อสอบมาก ๆ พอเห็นข้อสอบ จะทราบเองว่าต้องใช้วิธีการใดในการคำนวน


วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

รีวิว ชุดเขียนพู่กันจีน ด้วยน้ำเปล่า

เสน่ห์อย่างหนึ่งของภาษาจีน ก็คือการเขียนพู่กันจีนนี่แหละค่ะ 
เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ดูซีรีย์ก็อยากเขียนพู่กันจีนแบบเท่ ๆ เหมือนตัวเอกในซีรีย์บ้าง



ในเซทนี้ประกอบไปด้วย จานใส่น้ำ พู่กัน ผ้าสำหรับเขียน และแบบให้ดูเป็นตัวอย่าง


ด้านหลังของเล่มตัวแบบก็จะมีวิธีเขียนแต่ละขีด จะเขียนให้สวยก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ค่ะ

ในรูปก็คือตัว yi หรือ 一 ก็จะมีปัดปลายพู่กันเล็กน้อย ตั้งแต่ซื้อมาก็หัดแค่ขีดนี้ขีดเดียวนี่แหละค่ะ

สวยสุดได้เท่านี้แล้วค่ะ ถือว่าเป็นผลงานที่งามที่สุดตั้งแต่หัดมาเลยค่ะ ฮะฮะฮะฮ่า



เขียนไปสักพัก ไม่เกิน 3 นาที ก็จะแห้งหมด กลับมาเป็นขาว ๆ เหมือนเดิมค่ะ

ข้อดีคือ ราคาเบา ๆ 200 บาทเท่านั้น เขียนบ่อยแค่ไหนก็ได้ วัสดุคงทน บรรจุในกล่องสวย ๆ 

เหมาะสำหรับผู้เริ่มหัดเขียนพู่กันจีน

แต่สำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาจีนก็ถือว่ายังไม่จำเป็น แต่ราคาเบา ๆ แบบนี้จะมีไว้สักชุดก็ได้ค่ะ

สั่งซื้อได้ที่ Yiersanchineseclub

ใน Shopee ก็มีค่ะ ของร้านนี้





รีวิวหนังสือเรียนภาษาจีน ระดับต้น สำหรับคนไทย

               ตำราโดยทั่วไปที่นิยมกันจะมีคำอธิบายภาษาอังกฤษ ซึ่งแบบ อังกฤษก็ไม่เก่ง จีนก็ไม่ได้ แล้วจะเข้าใจได้ยังไง  หนังสือชุดนี้นิยมใช้ในประเทศไทย เพราะมีคำอธิบายเป็นภาษาไทย


ชุดนี้นะคะ มีภาษาจีนระดับต้น 1 ระดับต้น 2 ระดับกลาง 1 ระดับกลาง 2 ในเล่มรุ่นเก่าก็จะมีซีดีให้ ส่วนเล่มรุ่นใหม่ ๆ จะให้เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ในเว็บไซต์ของ Se-ed.com 


เราสามารถนำไฟล์ใส่มือถือไปฟังเวลาเดินทางหรืออกกำลังกายได้




เนื้อหาด้านในจัดไว้ให้อ่านง่าย มีคำศัพท์ ตัวบท ไวยากรณ์ และแบบฝึกหัดต่าง ๆ ให้ลองทำ เนื้อหาทำได้ละเอียดมากค่ะ การจัดลำดับแต่ละบทก็ทำได้ดี ไม่แปลกใจที่เป็นหนังสือที่นิยมใช้กันในไทย ราคาก็ไม่แพงค่ะ 285 บาท 

หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือ Se-ed หรือเว็บไซต์ของร้านนะคะ 

ความคิดเห็นส่วนตัว รู้สึกว่าอ่านเองแล้วก็ยังไม่เข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีคนสอนอยู่ดีค่ะ แม้ว่าหนังสือจะละเอียด แต่เวลาสงสัยหรือมีคำถาม ก็ถามใครไม่ได้ค่ะ 

ข้อดีอีกอย่างคือแบบฝึกหัดเยอะค่ะ ทั้งแบบเขียนและแบบอ่าน แบบพูด แต่ข้อเสียคือเราจะไม่รู้ว่าที่อ่านเราออกเสียงได้ถูกต้องไหม เพราะไม่มีครูตรวจสอบให้ ก็เป็นข้อเสียของการเรียนด้วยตนเองค่ะ