วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2562

การเก็บเอกสาร

               ไม่ว่าหน่วยงานใด ๆ การเก็บเอกสารนับว่ามีความสำคัญไม่แพ้งานด้านอื่น ๆ เอกสารแต่ละประเภทมีความสำคัญไม่เท่ากัน ระยะเวลาการเก็บรักษาแต่ละประเภทก็ไม่เท่ากัน และเอกสารยังเป็นแหล่งอ้างอิงในการทำงาน การเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบ ง่ายต่อการค้นหาจึงเป็นเรื่องสำคัญ

เอกสารแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. หนังสือเข้า คือเอกสารที่ได้รับจากภายนอก
2. หนังสือออก คือเอกสารที่หน่วยงานทำขึ้นแล้วส่งออกไปภายนอก
3. หนังสือติดต่อภายใน คือเอกสารที่ใช้ติดต่อกันภายในหน่วยงาน

เอกสารทางธุรกิจ  มี 2 แบบ คือแบบจดหมาย และแบบฟอร์ม ได้แก่

1. เอกสารการซื้อขายสินค้า หรือที่เรียกว่า เอกสารการค้า เช่น ใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ ใบส่งของ ใบลดหนี้ ใบรับคืนสินค้า เป็นต้น
2. เอกสารการเครดิตและการเงิน เช่น เช็ค ตั๋วแลกเงิน บัตรเครดิต หนังสือค้ำประกัน เป็นต้น
3. เอกสารประกันภัย เช่น กรมธรรม์ประกันภัย
4. เอกสารการขนส่ง เช่น ใบตราส่งสินค้า ใบสั่งปล่อยสินค้า บัญชีสินค้าในเรือ เป็นต้น
5. เอกสารการนำเข้าและการส่งออก เช่น ใบตราส่ง ใบขนขาเข้า ใบกำกับหีบห่อสินค้า ใบขนขาออกเป็นต้น

               นอกจากนี้ยังมีเอกสารอื่น ๆ ที่ใช้ในการวางแผน ควบคุม ตรวจสอบ รายงาน ของธุรกิจ เช่น สัญญา กฎ ระเบียบ คำสั่ง รายงาน คู่มือปฏิบัติงาน จดหมายธุรกิจ สถิติ งานวิจัย นิตยสาร แคตตาล็อก ทะเบียนบุคคล เป็นต้น

               หนังสือราชการ มีด้วยกัน 6 ประเภท แต่ในบทความนี้จะไม่ขอพูดถึง ขอยกไปไว้บทความหน้าค่ะ

วงจรของเอกสาร มีดังนี้


               การเก็บเอกสารแยกตามประเภท หมวดหมู่ เป็นระเบียบ ช่วยให้สืบค้นเอกสารได้ง่าย เอกสารไม่ชำรุดเสียหาย สะดวกในการนำมาใช้งาน เมื่อมีเอกสารหายไปก็ทำให้สามารถทราบได้ว่าอะไรหายไปบ้าง นอกจากนี้หลักการเดียวกันนี้ยังใช้กับการจัดเก็บอย่างอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นของสะสม หนังสือ หรือการจัดการไฟล์บนคอมพิวเตอร์ก็ตาม

ระบบการเก็บเอกสาร

1. การเก็บตามลำดับตัวอักษร นิยมใช้กับเอกสารทุกประเภท เรียงตามพยัญชนะ
2. การเก็บตามชื่อภูมิศาสตร์ นิยมใช้กับธุรกิจที่มีสาขา หรือหน่วยงานที่อยู่ที่ต่าง ๆ โดยเก็บตามชื่อคน หรือชื่อสถานที่ และเรียงเป็นหมวดหมู่
3. การเก็บตามหัวข้อเรื่องหรือชื่อเรื่อง แล้วเรียงตามหมวดหมู่ หรือประเภท
4. การเก็บตามตัวเลข โดยใช้ตัวเลขแทนชื่อเรื่อง แล้วเรียงจากน้อยไปมาก
5. การเก็บตามวันที่ในปีปฏิทิน
6. การเก็บตามสี โดยแบ่งหมวดหมู่ตามสี

ลำดับตัวอักษรไทย

พยัญชนะ     ก - ฮ
สระ               ะ      ั     า     ำ       ิ      ี      ึ       ื     ุ      ู     เ      แ    โ     ใ     ไ
วรรณยุกต์        ็     ่      ้     ๊     ๋     ์

               ลองนำไปปรับใช้กันดูค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีการเก็บเอกสารแบบกระดาษกันมากนักนิยมเก็บในรูปของไฟล์ การเก็บเอกสารในตู้เหล็ก และมีการนำบัตรนำ บัตรหลัก แยกตัวอักษร ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นกันแล้ว แต่หลักการเหล่านี้ยังสามารถนำไปใช้กับเรื่องอื่น ๆ ได้เพื่อช่วยในการเก็บเอกสารต่าง ๆ

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2562

นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย

             อีกหน่วยงานหนึ่งที่มีการสอบ ก.พ. ภาค ก. (พิเศษ) นั่นคือสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่เราจะเข้าไปสอบ ก.พ. ภาค ก.(พิเศษ) ได้นั้นก็ต้องฝ่าด่านภาค ข. ไปเสียก่อน สำหรับตำแหน่งนี้มาดูกันค่ะว่าต้องอ่านอะไรบ้าง

ประวัติ
โครงสร้างหน่วยงาน
ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงาน อื่น ๆ

- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
- พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2553
- พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 3 พ.ศ.2562
- พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2562
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559
- พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562
- พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562
- พรบ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็ฐรักษษเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562
- มาตรฐานการตรวจสอบภายในและจริยธรรมการปฏิบัติงานตรวจสอบภายในของส่วนราชการ พ.ศ.2555
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 พ.ศ.2560
- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของส่วนราชการ พ.ศ.2551
- ระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใน พ.ศ.2544

               นอกจากนี้ ยังมีภาษาอังกฤษ และความรู้เกี่ยวกับยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปีด้วย จะเห็นว่าของหน่วยงานนี้มีระเบียบที่ต้องอ่านเยอะมากกว่ากรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ที่สำคัญหลาย ๆ ระเบียบใช้ในการสอบเป็นข้าราชการท้องถิ่น มีระเบียบที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนักวิชาการเงินและบัญชีไม่กี่ระเบียบ

               7 ระเบียบแรกข้างต้น ยังเป็นวิชาที่ 3 ที่ ก.พ. ภาค ก. ปี 63 จะใช้สอบอีกด้วย ถ้าใครสอบของที่นี่ ก็ถือว่าอ่านระเบียบล่วงหน้าเผื่อการสอบ ก.พ.ไปในตัวเลย

               จะทยอยมีสรุปและแนวข้อสอบออกมาให้เรื่อย ๆ ซึ่งหลาย ๆ ระเบียบ ก็คงออกไม่ทันวันสอบที่จะถึงในวันอาทิตย์นี้ แต่เชื่อว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางให้กับใครหลาย ๆ คนที่อาจจะยังไม่ทราบว่าตัวเองจะต้องอ่านอะไรบ้าง

มีอะไรใหม่ใน ก.พ. ภาค ก. 63



               เห็นแล้วชวนงงเป็นที่สุด เมื่อเลื่อนลงไปด้านล่างก็มีตัวอย่างแบบข้อสอบให้อยู่ค่ะ แบ่งระดับพร้อมเลย ก็ลองคลิกเข้าไปดู เราเลือกดูของ ป.ตรี และ ป.โท นะคะ

วิชาที่ 1 อนุกรม, สดมภ์, คณิตศาสตร์ทั่วไป, ตารางสถิติ, เงื่อนไขภาษา, อุปมาอุปไมย, ตรรกศาสตร์, เงื่อนไขสัญลักษณ์, การใช้ภาษา, การเรียงประโยค

วิชาที่ 2 ภาษาอังกฤษ  25 ข้อ 50 คะแนน

จาก 2 วิชานี้จะเห็นได้ว่าข้อสอบเหมือนเดิมค่ะ มีเหมือนปีก่อน ๆ ทุกประการ  เพิ่มเติมวิชาที่ 3 มาเท่านั้น

วิชาที่ 3 ความรู้และลักษณะการเป็นข้าราชการที่ดี

               ซึ่งคาดว่าจะมี 25 ข้อเช่นกัน 50 คะแนน เกี่ยวกับระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เรื่องจริยธรรมของข้าราชการ ถ้าใครเคยสอบท้องถิ่นมาแล้วก็จะทราบดีว่าระเบียบเหล่านี้ใช้ในการสอบท้องถิ่นด้วยเช่นกัน ในอนาคตข้าราชการ ก.พ.อาจจะสามารถโอนไปเป็นข้าราชการท้องถิ่น และ และข้าราชการท้องถิ่นก็สามารถโอนมาเป็นข้าราชการ ก.พ.ได้เช่นกัน

              ในส่วนของวิชาที่ 3 ใช้แค่ความขยันเท่านั้นค่ะ อ่านแล้วจำ จำให้แม่น ๆ ฉะนั้นต้องอ่านให้เยอะ ๆ อ่านหลาย ๆ รอบเข้าไว้ ที่สำคัญในปี 2563 นี้จะไม่มีการสอบซ่อมภาษาอังกฤษอีกต่อไป ใครไม่เก่งภาษาอังกฤษรีบฟิตไว้ก่อนการสอบในปีหน้าเลยค่ะ

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สรุป ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. 2562

สรุป ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. 2562

               ระเบียบนี้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และเพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำเงินทดรองราชการไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายปลึกย่อยในการปฏิบัติราชการได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ

              ข้อ 2 ระเบียบนี้บังคับใช้วันที่ 14 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

               ข้อ 5 ให้ปลัดกระทรวงการคลังรักษาการตามระเบียบนี้

              ข้อ 6 การปฏิบัติในกรณีที่ระเบียบนี้ไม่ได้กำหนดไว้ หรือการยกเว้นการปฏิบัติในระเบียบนี้ ให้ส่วนราชการขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง

              ข้อ 7 ให้เจ้าของงบประมาณมีเงินทดรองราชการตามจำนวนที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
             กรณีที่จำเป็น หรือมีเหตุผลอันสมควร กระทรวงการคลังอาจพิจารณาเพิ่ม ลด หรือยกเลิกวงเงินทดรองราชการของส่วนราชการเจ้าของงบประมาณได้ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศ
               เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาเพิ่ม ลด หรือยกเลิกวงเงินทดรองราชการตามวรรคสองให้ส่งรายงานการจ่ายเงินทดรองราชการไปยังกรมบัญชีกลาง ตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
               ในกรณีที่มีการลดหรือยกเลิกเงินทดรองราชการ ให้นำเงินทดรองราชการที่กระทรวงการคลังสั่งลดหรือยกเลิกส่งคืนคลังทันที

               ข้อ 8 เงินทดรองราชการที่ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้นำไปพิจารณาแบ่งสรรแก่หน่วยงานในสังกัดตามความเหมาะสม

               ข้อ 10 การเบิกเงินจากคลังเป็ฯเงินทดรองราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการผู้เบิกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้เบิกเงินจากคลัง
               ผู้เบิกเงินทดรองราชการให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง

               ข้อ 11 ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดเก็บรักษาเงินทดรองราชการเป็นเงินสด ณ ที่ทำการ ไว้เพื่อสำรองจ่ายได้ ดังต่อไปนี้
               (1) ส่วนราชการผู้เบิกในส่วนกลาง ให้เก็บรักษาได้แห่งละไม่เกิน 100,000 บาท
               (2) ส่วนราชการผู้เบิกในส่วนภูมิภาค ให้เก็บรักษาได้แห่งละไม่เกิน 30,000 บาท
               (3) หน่วยงานย่อย ให้เก็บรักษาได้แห่งละไม่เกิน 10,000 บาท

               ข้อ 12 กรณีที่มีเงินทดรองมากกว่าที่กำหนดไว้ในข้อ 11 ให้นำเงินที่เกินกว่าที่ได้รับอนุญาตฝากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจประเภทออมทรัพย์
               ดอกเบี้ยที่เกิดจากการนำเงินทดรองราชการฝากธนาคาร ให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

               ข้อ 13 วิธีการเก็บรักษาเงินทดรองราชการให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง

               ข้อ 14 เงินทดรองราชการมีไว้สำหรับทดรองใช้จ่ายตามงบประมาณรายจ่ายดังต่อไปนี้
               (1) งบบุคลากร เฉพาะค่าจ้างซึ่งไม่มีกำหนดจ่ายเป็นงวดแน่นอนเป็นประจำแต่จำเป็นต้องจ่ายให้ลูกจ้างแต่ละวันหรือแต่ละคราวเมื่อเสร็จงานที่จ้าง
               (2) งบดำเนินงาน ยกเว้นค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
               (3) งบกลาง เฉพาะที่จ่ายเป็นเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร และเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
               (4) งบรายจ่ายอื่น ที่มีลักษณะเดียวกับ (1) หรือ (2)

              ข้อ 15 กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนในระยะต้นปีงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณยังไม่ได้อนุมัติเงินจัดสรร ให้จ่ายเงินทดรองราชการไปก่อนได้รับอนุมัติเงินจัดสรรก็ได้

               ข้อ 16 การจ่ายเงิน ให้ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณและหน่วยงานในสังกัดจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เข้าบัญชีของเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน
               กรณีไม่สามารถ จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ได้ ให้เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารที่ฝากเงินทดรองราชการไว้ตามข้อ 12 อีกหนึ่งบัญชีสำหรับการสั่งจ่ายเงินทดรองราชการ โดยให้ธนาคารโอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เข้าบัญชีเงินฝากระแสรายวันเพื่อจ่ายเงินตามเช็ค

               ข้อ 17 การจ่ายเงินทดรองราชการต้องมีหลักฐานการจ่ายไว้เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและเบิกเงินงบประมาณรายจ่ายชดใช้เงินทดรองราชการ
               การปฏิบัติเกี่ยวกับหลักฐานการจ่ายเงินทดรองราชการให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง

               ข้อ 18 สัญญาการยืมเงินให้เป็นไปตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนด
  
               ข้อ 19 การอนุมัติการจ่ายเงินยืมให้เป็นอำนาจของบุคคล ดังต่อไปนี้
               (1) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางให้เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือผู้ที่หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมมอบหมาย
               ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางที่มีสำนักงานอยู่ในส่วนภูมิภาค หรือแยกต่างหากจากกระทรวง ทบวง กรม หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมจะมอบหมายให้หัวหน้าสำนักงานเป็นผู้อนุมัติสำหรับหน่วยงานนั้นก็ได้
             (2) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาคให้เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วราชการในภูมิภาค

               ข้อ 20 จะจ่ายได้แต่เฉพาะที่ผู้ยืมได้ทำสัญญาการยืมเงิน และผู้มีอำนาจได้อนุมัติให้จ่ยเงินยืมตามสัญญาการยืมเงินนั้น โดยจ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment)

               ข้อ 21 การอนุมัติให้ยืมเงินเพื่อใช้ในราชการ ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติให้ยืมเฉพาะเท่าที่จำเป็น และห้ามมิให้อนุมัติให้้ยืมเงินรายใหม่ในเมื่อผู้ยืมมิได้ชำระคืนเงินยืมรายเก่าให้เสร็จสิ้นไปก่อน

               ข้อ 22 เงินทดรองราชการจะจ่ายได้แต่เฉพาะค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุญาตตามข้อ 9 และงบรายจ่ายหรือรายการตามที่กำหนดในข้อ 14

               ข้อ 24 การจ่ายเพื่อยืมไปเป็นค่าเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร ให้จ่ายได้สำหรับการเดินทางที่ไม่เกิน 90 วัน

               ข้อ 25 ให้ผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและเงินเหลือจ่ายที่ยืมไป (ถ้ามี) ภายในกำหนดระยะเวลา ดังนี้
               (1) กรณีเดินทางไปประจำต่างสำนักงาน หรือการเดินทางไปราชการประจำในต่างประเทศ หรือกณีเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับเงิน
               (2) กรณีเดินทางไปราชการอื่น รวมทั้งการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมภายในสิบห้าวันนับแต่วันกลับมาถึง
               (3) การยืมเงินเพื่อปฏิบัติราชการนอกจาก (1) หรือ (2) ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับเงิน

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562

นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

               เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังจะสอบก็คงจะงงไปตาม ๆ กันว่าฉันจะต้องอ่านอะไรบ้าง เพราะในส่วนของคุณสมบัติหรือการปฏิบัติงาน ลักษณะงานที่ทำนั้นก็มีกำหนดไว้ในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และหลาย ๆ หน่วยงานก็ใช้ข้อความนี้มาใส่ในประกาศรับสมัครงาน

สำหรับการสอบในรอบนี้มี 2 ส่วน
1. ความรู้ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน  และคอมพิวเตอร์  180 คะแนน
2. ภาษาอังกฤษ  20 คะแนน

               เราไม่รู้เลยว่าข้อสอบแต่ละส่วนจะมีกี่ข้อ  และในแต่ละส่วนจะออกเรื่องใดบ้าง ซึ่งจะสรุปแยกหัวข้อในภายหลังค่ะ  ข้อสอบจะออกเรื่องความรู้บัญชีเบื้องต้น ความรู้รอบตัว คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการทำงานก็เป็น Microsoft ทั่วไป  Word , Excel , Power Point  ส่วนที่เยอะที่สุดคือความรู้ที่ใช้ปฏิบัติงาน  ได้แก่ระเบียบต่าง ๆ ดังนี้

- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ.2562
สรุป
แนวข้อสอบ
- ระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการควบคุมภานใน พ.ศ.2544
- ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.2548 และที่แก้แขเพิ่มเติมถึง  ฉบับที่ 6 พ.ศ.2557
- พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561
- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ.2562
- หลักการและนโยบายการบัญชีภาครัฐ พ.ศ.2561
- พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ  พ.ศ. 2540
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง  ฉบับที่3 พ.ศ.2560
- พระราชบัญญัติ วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
- พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
- ความรู้เกี่ยวกับระบบ GFMIS
- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ  พ.ศ.2553
- พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551

               ระเบียบมากมายเหล่านี้ เราไม่อาจทราบได้ว่าผู้ออกข้อสอบจะหยิบระเบียบใดมาออก แนวข้อสอบที่มีขายกันตามท้องตลาดก็มีหลากหลายแนว ซึ่งแต่ละแนวนั้นก็มีระเบียบไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าส่วนงานที่เราต้องไปปฏิบัติงานนั้นคือส่วนใด แต่ละส่วนก็จะมีระเบียบที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นแล้วอ่านไปให้หมดเลยค่ะ  เยอะไหม? ก็เยอะนะ แต่จริง ๆ มันมีเยอะกว่านี้อีก เราเลือกมาให้เฉพาะที่คาดว่าจะออกเท่านั้น

ประวัติและวิสัยทัศน์ พันธกิจ หน้าที่ ยุทธศาสตร์ ปริ้นจากเว็บมาอ่านได้เลยค่ะ

วิสัยทัศน์ พันธกิจ หน้าที่ ยุทธศาสตร์ ค่านิยม
ผู้บริหาร
ประวัติ
โครงสร้างการบริหาร

ติดตามในบทความต่อๆไปนะคะ จะทำสรุปและแนวข้อสอบมาฝากกันค่ะ  สู้ ๆ สอบผ่านไปด้วยกันนะคะ

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

จัดตารางอ่านหนังสือสอบ ก.พ. ภาค ก

               มาค่ะ ใครอยากเป็นข้าราชการ ก็ต้องผ่านด่านนี้กันก่อน นั่นคือการสอบ ก.พ. ภาค ก. หรือที่เรียกว่า การสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ที่จะจัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง (ในการสอบแบบปกติ) การเตรียมตัวต้องเตรียมกันเป็นปีเลยค่ะ เพราะวิชาที่ใช้สอบมีมากมาย และเวลาในการสอบมีจำกัด วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องการเตรียมตัวเบื้องต้น ว่าจะเริ่มอ่านจากวิชาไหน เรามาดูกันก่อนค่ะ ว่าหลักสูตรที่ใช้สอบมีอะไรบ้าง

               1. วิชาความสามารถทั่วไป และภาษาไทย (150 คะแนน เป็นความสามารถทั่วไป 100 คะแนน ภาษาไทย 50 คะแนน)  ซึ่งในส่วนนี้ จะต้องได้คะแนนมากกว่า 60%

               2. วิชาภาษาอังกฤษ (50 คะแนน และคะแนนในส่วนนี้ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 60%) ซึ่งถ้าใครมีผลคะแนน TOEFL (ไม่รวม TOEFL ITP) TOEIC IELTS CU TEP หรือ TU GET ที่ยังไม่หมดอายุ และได้คะแนนไม่น้อยกว่า 50% ของการสอบนั้น

               ขอเริ่มจากภาษาอังกฤษก่อนค่ะ ภาษาอังกฤษมี 25 ข้อ 50 คะแนน ฉะนั้นถ้าจะให้ผ่าน ต้องทำข้อสอบได้มากกว่า 13 ข้อ แบ่งออกเป็น บทสนทนา  (conversation)  5 ข้อ คำศัพท์ (vocabularies) 5 ข้อ ไวยากรณ์ (Gramma)  5  ข้อ และบทความ 10 ข้อ

               เราต้องดูว่าใน 4 ส่วนนี้ ทำส่วนไหนได้ดีที่สุด จัดลำดับ 1 - 4 เลยค่ะ ส่วนที่ทำได้ดีมาก ต้องได้คะแนนเต็มเท่านั้น นั้นหมายความว่าเราจะอ่านในส่วนที่ทำได้ดี แล้วสรุป จากนั้นเราจะไม่แตะอีก จนกว่าจะถึงช่วงใกล้สอบ เกณฑ์ผ่านคือ 13 ข้อ ถ้าเราถนัดบทสนทนา ตั้งเป้าไว้เลย จะต้องทำได้ไม่น้อยกว่า 3 ข้อ สาเหตุที่ให้ 3 - 4 ข้อ เพราะในทุกส่วน จะมีข้อยากอย่างน้อย 1 ข้อเสมอ ให้เราตั้งมาตรฐานต่ำสุดไว้ก่อน ถ้าในส่วนนี้ทำได้ 3 ข้อ จะสอบผ่าน ยังขาดอีก 10 ข้อ ให้ดูลำดับ 2 ค่ะ ถ้าลำดับ 2 คือคำศัพท์ ก็ให้ตั้งขั้นต่ำไว้ที่ 3 ข้อ เช่นกัน สมมุติว่าแกรมม่าและบทความไม่ได้เลย เรามีแน่ ๆ แล้ว 6 ข้อ ยังขาดอีก 8 ข้อ ช่วงเตรียมตัวสอบ ให้อ่านส่วนที่ไม่ได้ก่อน

               มาต่อที่ภาษาไทยค่ะ มี 25 ข้อ 50 คะแนน ข้อละ 2 คะแนนนั่นเอง แบ่งเป็น เรียงลำดับข้อความ  อ่านจับใจความบทความ  ความเข้าใจบทความสั้น  การใช้คำที่ถูกต้อง เหมาะสม ทำแบบเดียวกับภาษาอังกฤษเลยค่ะ

               มาถึงส่วนที่คะแนนสูงมากกก คือความรู้ทั่วไป  แบ่งเป็น อนุกรม 5 ข้อ โจทย์คณิต  5 ข้อ ตารางข้อมูล  5 ข้อ ตรรกะ 5 ข้อ เงื่อนไขภาษา 5 ข้อ เงื่อนไขสัญลักษณ์ 5ข้อ อุปมาอุปไมย 5 ข้อ    ประมาณนี้ แต่จริง ๆ มันเยอะกว่านี้นะ

               และในปี 2563 จะเพิ่มวิชากฎหมายเข้ามาด้วย ก็ไม่ทราบว่าทางสำนักงาน ก.พ.จะจัดเรื่องจำนวนข้อและคะแนนอย่างไร แต่ให้ดูจากข้อสอบเก่า ๆ แล้วลองแบ่งแบบนี้ดู จัดลำดับให้กับเรื่องที่จะสอบ เพื่อจัดตารางการอ่านหนังสือได้เหมาะสม

               โดยธรรมชาติ คนเราไม่อยากทำสิ่งที่ไม่ชอบอยู่แล้วค่ะ ถ้าเรามีเวลาอ่านหนังสือ 5 วัน ต่อสัปดาห์ ให้อ่านวิชาที่ไม่ชอบ 3 วัน วิชาที่ชอบ 2 วัน โดยสลับวันกัน เราจะได้ไม่เครียดมาก วิชาที่ชอบหรือถนัดก็ไม่ต้องไปใช้เวลากับมันมากค่ะ ยิ่งถ้าเราเข้าใจแล้วว่าส่วนนั้น ๆ มีหลักการทำอย่างไร ก็ไม่ต้องอ่านเลย ลุยทำโจทย์อย่างเดียวพอค่ะ ถ้าเราเจอส่วนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย พยายามแล้วก็ไม่เป็นผล อย่าไปเสียเวลากับมันค่ะ มาอ่านวิชาอื่น หรือส่วนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคะแนนดีกว่า

               ตัวอย่างนะคะ พลอยไม่ถนัดโจทย์คณะเลยค่ะ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ ถ้าดันทุรังจะเสียเวลาไป 1 เดือนโดยที่ไม่ได้อะไรอยู่ดี พลอยก็ทิ้งเลยค่ะ ไม่อ่านเลย แล้วไปอ่านส่วนที่ถนัดกลาง ๆ เพื่อเพิ่มความชำนาญ และดึงคะแนนให้มาสูงเทียบเท่าส่วนที่เราถนัดมาก ใช้เวลาอ่านและทำความเข้าใจ 2 อาทิตย์ค่ะ ส่วนอีก 2 อาทิตย์ก็ไปอ่านอีกส่วน ถ้าตอนแรกประมาณการไว้ว่าส่วนที่เราถนัดกลาง ๆ จะทำข้อสอบได้ 2 ข้อ อ่านแบบนี้คะแนนจาก 2 จะเป็น 4 ทำได้ 2 ส่วนก็เท่ากับตอบถูกเพิ่มขึ้น 4 ข้อ ได้คะแนนเทียบเท่ากับวิชาที่ถนัดมาก ไม่เสียเวลา ไม่ปวดหัว ไม่เสียสุขภาพจิต

               แต่สำหรับคนที่ไม่เคยสอบมาก่อน วิธีแบบนี้ก็ยากหน่อยค่ะ เพราะไม่เคยเห็นข้อสอบ ต่างจากคนที่เคยสอบมาแล้วหลายครั้ง คนที่เพิ่งสอบครั้งแรกให้หาแนวข้อสอบมาดูก่อนเลยค่ะยิ่งไม่คุ้ยเคยข้อสอบยิ่งต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานกว่าคนอื่น

แบ่งตามความเหมาะสมนะคะ แนะนำมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีการดำเนินชีวิต ความรู้ ความสามารถ ความถนัดไม่เหมือนกัน ต้องจัดตารางเอาเอง


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เป็นข้าราชการ ดีอย่างไร

เครดิต เว็บสำนักงาน ก.พ.

               สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่  จะเห็นข่าวโรงงานปิดตัว และให้พนักงานออกจากงาน โรงงานย้ายฐานการผลิต ไหนจะอัตราคนว่างงาน และระดับ ป.ตรีก็ว่างงานกันมากที่สุด  แน่นอนว่าอาชีพที่โดนไล่ออกยากก็คือข้าราชการ ทำให้ช่วงหลายปีมานี้ มีผู้สนในสมัครสอบ กพ. ภาค ก.สูงขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าข้อสอบก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกันค่ะ เรามาดูกันว่าการเป็นข้าราชการ ดียังไงบ้าง

1. มีความมั่นคง
               อาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง เพราะว่าเราทำงานในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่มีทางเจ๊ง ไม่มีทางล้มละลายแน่นอน ถ้าเข้ามาแล้วก็อยู่กันไปยาว ๆ จนเกษียณเลยจ้า ถ้าถามว่ามีไหมที่จะไล่ออก ปลดออก หรือถูกพักงาน แน่นอนค่ะว่ามี ถ้าทำความผิดร้ายแรง เช่นขาดงานโดยไม่แจ้ง หายไปเฉย ๆ เป็นเวลาหลายวัน ติดยาเสพติด ค้ายาเสพติด ทุจริต เป็นต้น

2. มีบำเหน็จ บำนาญ เกษียณแล้วมีเงินเก็บ
               บำเหน็จ บำนาญ จะได้เมื่อเราเกษียณตอนอายุ 60 ค่ะ บังคับให้ข้าราชการพลเรือนทุกคน สมัคร กบข. จ่ายขั้นต่ำ 3 % ต่อเดือน โดยหักจากเงินเดือนทันที ใครสะดวกจะหักมากกว่านี้ก็ได้ค่ะ เราจะต้องเลือกค่ะว่าจะรับบำเหน็จ คือได้เงินก้อนครั้งเดียว หรือจะรับบำนาญ คือจะได้รับเงินทุก ๆ เดือนไปจนกว่าเราจะตายค่ะ  ถ้าเป็นบริษัทเอกชนก็คือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพค่ะ ทาง กบข. จะนำเงินลงทุนนี้ รวมกับเงินที่ทางหน่วยงานราชการจ่ายสมทบให้ไปลงทุน ผลตอบแทนที่ได้จะอยู่ที่ 3-4% ค่ะ

3. สวัสดิการดี
               สวัสดิการที่ได้รับ เช่นค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร  แน่นอนค่ะว่านี่เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือข้าราชการเท่านั้น ไม่ได้ฟรีทุกอย่างนะคะ หลาย ๆ คนจะเข้าใจผิดกันเยอะมากว่าต้องเบิกได้ทุกอย่าง และไม่ต้องจ่ายอะไรเลย  ซึ่งจริง ๆ แล้วมีเงื่อนไขอยู่ เช่นค่ารักษาพยาบาล ของตนเอง และครอบครัวเบิกได้ แต่เมื่อบุตรอายุ 20 ปีแล้วจะไม่สามารถเบิกได้ การรักษาผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลเอกชนเบิกไม่ได้ ค่าเล่าเรียนก็เช่นกันค่ะ จะมีอัตราบอกว่าโรงเรียนของรัฐ ระดับชั้นไหนได้เท่าไหร่ โรงเรียนเอกชน ได้เท่าไหร่
               สิทธิวันลา  ใน 1 ปีงบประมาณ (เริ่ม 1 ตุลาคม ถึง 30 กันยายน) มีสิทธิลาป่วยได้ 30 วัน ลาพักผ่อนได้ 10 วัน และถ้าใช้วันลาพักผ่อนไม่หมด ยังสามารถสะสมวันลาพักผ่อนที่ใช้ไม่หมดไปใช้ในปีถัดไปด้วย แต่ต้องไม่เกิน 20 วันค่ะ จะลาคลอด ลาบวช ก็สามารถทำได้

4. ประโยชน์เกื้อกูลก็มีนะจ๊ะ
               ได้แก่ ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง เงินค่าล่วงเวลา ค่าโทรศัพท์ประจำตำแหน่ง ค่ารถประจำตำแหน่ง (พวกประจำตำแหน่ง จะให้กับข้าราชการระดับสูงเท่านั้น และมีอัตรากำหนดว่าเดือนละเท่าไหร่ ส่วนเกินต้องออกเงินเอง) ค่าเช่าบ้านจะให้กับข้าราชการที่ถูกคำสั่งย้ายจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง ต้องย้ายที่อยู่ จะบังคับให้ต้องพักในบ้านพักข้าราชการก่อน ถ้าบ้านพักเต็มแล้วถึงไปเช่าบ้านได้ แต่ถ้าบ้านพักไม่เต็มแล้วไปเช่า ต้องจ่ายเงินเองนะคะ ส่วนค่าเดินทางก็จะได้รับจากการเดินทางไปราชการค่ะ เช่นค่าอาหาร (เรียกว่าเบี้ยเลี้ยง) ค่าที่พักในการเดินทาง และค่าพาหนะ แน่นอนค่ะว่ามีอัตราระบุไว้เช่นกัน นอกจากนี้แล้วก็ยังมีค่าตอบแทนจากการทำงานอย่างอื่นด้วยค่ะ

5. เงินเดือนขึ้นทุกปี
               เงินเดือนไม่มีทางหยุดนิ่ง ผ่านไป 5 ปี 10 ปีก็ไม่ขึ้นแบบนั้นแน่นอนค่ะ เพราะข้าราชการจะมีการประเมินผลงานทุก 6 เดือน หลังการประเมินจะปรับขึ้นเงินเดือน เงินเดือนจะขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับสูงสุดในตำแหน่งนั้น ๆ หรือที่เรียกว่าเงินเดือนตันแล้วนั่นเองค่ะ อาจจะขึ้นไม่เยอะนัก แต่ก็ขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีนะคะ ซึ่งในบางตำแหน่งจะมีเงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มพิเศษสำหรับตำแหน่งที่ต้องใช้วิชาชีพ

6. สนับสนุนการเรียนรู้
               มีทุนการศึกษาให้กับข้าราชการ จัดให้มีการอบรม สัมมนา เพื่อพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเรื่องนี้ฟรีค่ะ เพราะว่าหน่วยงานจะเป็นผู้จัดการอบรมให้ แต่ถ้าอยากไปอบรมที่อื่น ก็สามารถนำใบเสร็จมาเบิกได้ค่ะ เพียงแต่ต้องขออนุญาตก่อนไปอบรมค่ะ จะพิจารณาว่าการอบรมนั้นสมควรหรือไม่ และความรู้ที่ได้นำมาใช้ในงานที่ทำได้หรือไม่

7. มีเกียรติและได้รับการยอมรับในสังคม
               อาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มีเกียรติอย่างมาก เพราะเราทำงานเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมเก่าแก่ ที่เห็นว่าข้าราชการมีหน้ามีตา จึงอยากให้ลูกหลานเป็นข้าราชการด้วย สวัสดิการที่ครอบครัวจะได้รับก็ดี และเมื่อได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น อายุการทำงานนานพอ จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งถือเป็นเกียรติอันสูงสุด
               แต่ให้พึงระลึกไว้ว่า เมื่อได้เป็นข้าราชการแล้ว จะต้องดำรงไว้ซึ่งเกียรติของข้าราชการด้วย ถ้าปฏิบัติตัวไม่ดี พูดจาไม่ดี อาชีพนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีเกียรติ เพราะคุณได้ทำลายเกียรตินั้นไปแล้ว นอกจากนี้แล้ว บางเรื่องอาจจะผิดวินัยด้วยนะคะ เมื่อได้รับเกียรติมาแล้ว ก็ต้องประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเกียรติที่ได้รับ

8. มีเงินตกทอดถึงทายาท
               เมื่อข้าราชการตายลง ภารยาและบุตร จะได้รับเงินบำเหน็จตกทอด ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยค่ะ และยังมีเงินช่วยเหลืองานศพด้วย เรียกว่าเงินฌาปนกิจ  ตายแล้วก็ไม่ต้องห่วงคนข้างหลัง

เห็นข้อดีกันไปแล้วก็ขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาเป็นข้าราชการกันเยอะ ๆ นะคะ


วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

รีวิว วังพญาพราย

                   สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานกับการรีวิวหนังสือเพราะช่วงนี้ไม่มีเวลาอ่านนิยายมากนักและการใช้งานบล็อกใหม่และเก่าก็สลับกันไปมา กลับมาครั้งนี้พลอยขอนำเสนอนิยายคุณภาพของนักเขียคุณภาพ คุณหมอ" พงศกร" ซึ่งพลอยเป็นแฟนคลับของคุณหมอ


                           วังพญาพวายตีพิมพ์ในปี 2549 โดยคุณหมอตั้งใจจะเล่าถึงความเจริญที่เข้ามาสู่ชุมชนว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยแทรกตำนานเข้าไปและไม่ทิ้งสไตล์แนวลึกลับอย่างที่แฟนๆนักอ่านชอบ
วังพญาพวายเป็นเรื่องราวของคุณหมอหนุ่ม" โรม" ที่ลาออกจากหมอแล้วมาเปิดห้างสรรพสินค้าที่บ้านเกิดของตนเองโดยมี" ขิมทอง" แม่สาวทอมลูกกำนันตั้งตัวเป็นอริเพราะไม่พอใจที่โรมมาทำลายวิถีชีวิตชนบท โรมมีความลับอยู่อย่างหนึ่งคือเมื่อถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงเขาจะกลายร่างเป็นพรายมันเป็นคำสาปที่ลูกชายคนโตทุกคนของตระกูลจะเป็น คำสาปนี้มีความเกี่ยวพันกับบึงพรายที่ผู้คนเล่าลือกันว่ามีพรายน้ำอาศัยอยู่ และตำนานเก่าแก่ของเมืองโบราณในสมัยทวารวดี

รีวิวแบบคหสต.

เรื่องนี้อ่านช่วงแรกจะรู้สึกว่ามันเอื่อยๆ ความสนุกจะค่อยๆมาเรื่อยๆ อ่านแบบคนคิดเจาะลึกสักหน่อยจะเห็นว่าเขาพยายามบอกข้อดีข้อเสียของการมีความเจริญมาสู่ชุมชนและการอนุรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดิม เห็นจากการที่ฝั่งขิมทอง ที่ไม่ต้องการความเจริญเพราะมองเพียงข้อเสียแต่ไม่มองข้อดี เหรียญมีสองด้านสิ่งต่างๆก็เช่นกัน 

ด้านตำนานของบึงพรายก็ผูกโยงกับอดีตชาติของโรมเคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคนรักจนถูกสาป งานนี้ขออยู่ทีมโรม อ่านแล้วก็ปวดตับกับความเอาแต่ใจของนางพรายน้ำ อ่านไปด่าไปไม่รู้กี่รอบ แต่ที่ทำเอาสายฟินจิกหมอนเซงคือนางเอกดันทำตัวเป็นทอมเกือบจะทั้งเรื่องแหละจ้ามาตอนใกล้จบโน้นถึงพึ่งรู้ว่ารักพระเอก ทั้งเรื่องไม่มีแววจะหวานเล้ย

เรื่องนี้ต้องใช้จินตนาการพอสมควร พลอยว่าเหมาะทำเป็นละครมากนะ มีหลายจุดที่รู้สึกว่าอ่านแล้วตัวละครไม่ได้แสดงอารมณ์ที่ชัดเจนถ้าทำเป็นละคร แววตา ท่าทาง น้ำเสียง จะค่อยๆแสดงความรู้สึกที่โรมและขิมทองมีต่อกันได้ลึกซึ้งกว่า ถ้าอ่านต้องใช้จินตนาการหน่อยไง

จะหวานก็ไม่หวานจะซึ้งก็ไม่ซึ้งแต่มีความตลกแน่นอนกับตัวละครที่สร้างสีสันไม่ว่าจะเป็นลูกน้องของขิมหรือตนัย ที่ขิมทองเรียกว่าไว้เวรตะไล ลูกชายผู้ใหญ่บ้าน พยายามตามจีบ ปีนห้องบุกปล้ำขิมทอง ชาวคณะนักข่าวรายการผีที่มาถ่ายทำรายการที่บึงพราย

ความสงสัยและคำถาม
ตำนานบึงพรายต้นเหตุของคำสาปที่โรมได้รับ สงสัยว่า " แสนตะวัน" เป็นพี่ชายแท้ๆของ" เรืองแสงฟ้า" หรือองครักษ์ผู้ภักดี เพราะหลายๆการกระทำ ทำให้เดาได้ว่าเขารักเรืองแสงฟ้าและอยู่เบื้องหลังสาเหตุการเข้าใจผิดของ " ลืออินไท"โรมในอดีตชาติ ไอ้หมอนี่ต้องคอยยุยงแน่นอนและแม่เรืองแสงฟ้าก็ไม่ทันคนเล้ย 

เรื่องนี้น่าสงสารโรมที่สุดในอดีตรักเมียมากแต่ถูกเข้าใจผิดจนเมียฆ่าตัวตายแถมยังสาปอีก พอชาติปัจจุบันก็ต้องเป็นพรายทุกวันเพ็ญ ต้องทนทรมานกับความเจ็บป่วยจากการกลายร่าง แถมยังตั้งใจบวชไม่สึกให้เรืองแสงฟ้าในทุกภพชาติ ลืออินไทรักเรืองแสงฟ้ามาก แม้มาเกิดใหม่ รักและแต่งงานกับขิมทองแต่บั้นปลายชีวิตก็เลือกที่จะบวชให้เรืองแสงฟ้าและชาวเมืองทุกคนที่ตายไป

ข้อคิด
เคยได้ยินไหมว่าความรักของกษัตริย์ไม่ได้มีไว้เพื่อคนคนเดียวแต่มีให้กับประชาชนทุกคน ลืออินไทจะรักเรืองแสงฟ้ามากแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจละทิ้งประชาชนของตนเองได้  คนเป็นเมียต้องเข้าใจ อาชีพอย่างตำรวจ ทหารก็ไม่ต่างกัน
หน้าตาของผัวคือหน้าตาของเมีย ในทางกลับกันเมียดีผัวก็จะได้ดี การยอมให้โดนกวาดต้อนผู้คน เรื่องแสงฟ้าให้ลืออินไทยอมพ่อของตัวเอง ให้เป็นเมืองขึ้นที่ต้องส่งบรรณาการ ก็ไม่ต่างกับการร่วมมือกับครอบครัวทำลายศักดิ์ศรีลืออินไท แล้วถ้าลืออินไทยอม เรืองแสงฟ้าจะยังคงรักชายแบบนี้อยู่อีกหรือ

นิยายของคุณหมอยังคงเสนอแง่มุมดีๆ และให้แง่คิดกับผู้อ่านโดยเล่าเรื่องราวผ่านเรื่องลึกลับ

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เริ่มต้น เส้นทางสู่ CPA

อาชีพที่นักบัญชีหลาย ๆ คนใฝ่ฝันก็คือ CPA หรือผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต นั่นเอง กว่าจะเก็บชั่วโมงฝึกงานได้ครบ กว่าจะสอบผ่านนั้นไม่ง่ายเลย ทำให้ในแต่ละปีมีผู้สอบผ่านน้อยยิ่งกว่าน้อย และผู้สม้ครสอบส่วนใหญ่ก็ทำงานอยู่ในวงการ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทรับทำ รับตรวจสอบบัญชีขนาดใหญ่ หรือที่รู้จักกันดี ในนาม Big4 บริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็ก ไม่เว้นแม้แต่ข้าราชการที่อยู่ในสายงานตรวจสอบ อย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ 

อ่านถึงตรงนี้เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ไม่ได้ทำงานส่วนนี้ก็คงท้อใจกันบ้างแล้ว ก็ขนาดคนที่ทำงานด้านนี้ เขายังรู้สึกว่าการสอบนั้นโหดหินขนาดนั้น
แล้วพนักงานตัวน้อย ๆ อย่างเรา ที่ทำงานในส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตรวจเลย จะไปรอดไหมหนอ


อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ ยังมีโอกาสอยู่ เพียงแต่เราต้องมีความมุ่งมั่นและพยายามมากกว่า
คนทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเส้นทางนี้เคยมีคนสำเร็จมาแล้ว
 เราเองก็สามารถทำได้สำเร็จเช่นกันค่ะ

ฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเส้นทางนี้คือใจค่ะ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวงการอยู่แล้วทำให้ได้เปรียบกว่า หรือไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ความมุ่งมั่นจะทำให้ฝ่าฟันไปได้ 

พลอยเองก็ยังสอบไม่ผ่าน เคยดูคลิปหลาย ๆ คนที่เขาสอบผ่านแล้วแชร์วิธี
 ก็ได้ข้อสรุปคือต้องอ่านหนังสือ เท่านั้น มันฟังดูเป็นคำตอบง่าย ๆ ถ้าอ่านอย่างเดียว
แล้วจะผ่านได้หรอ ความจริงคือ... การอ่านทุกวัน ช่วยให้ผ่านได้ค่ะ หลายคนอยากได้เทคนิค
 แต่มันไม่มี ขยัน มุ่งมั่น ตั้งใจ เท่านั้น กำลังใจของเราจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
 ถ้าเราเชื่อว่าทำได้ เราก็ทำได้ค่ะ สิ่งที่ไม่ควรมีในหัวเลยคือ 3 ประโยคนี้

"ฉันทำไม่ได้หรอก"
"ฉันเป็นไม่ได้หรอก"
"มันยากเกินไป"

ถ้าเอา 3 ประโยคนี้ออกไปไม่ได้ คุณก็จะเป็นอย่างที่คุณคิด เริ่มต้นง่าย ๆ
 ที่ใจของเราก่อน บอกตัวเองทุกวันว่าฉันคือ CPA เส้นทางนี้ไม่ง่าย 
แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ที่สำคัญเมื่อเริ่มเดินแล้ว จงไปให้สุดทาง
 อย่าหยุดค่ะ (เงินที่จ่ายค่าสอบมันแพง) 


วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ทำไมตัดสินใจเรียน มสธ.

สวัสดีค่ะ ในฐานะศิษย์เก่า มสธ. ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ดี ๆ กับมหาวิทยาลัยนี้ให้กับผู้ที่สนใจได้ทราบ เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่สนใจอยากเรียน

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งเรียนจบชั้น ปวส.
(ประกาศนียบัตรประสบการวิชาชีพชั้นสูง)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มสธ.

เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาและหลักสูตรใหม่ในระดับปริญญาตรี
เพื่อให้นักศึกษามีศักยภาพตรงตามที่ตลาดแรงงานต้องการ
ทำให้เพื่อน ๆ ในรุ่นเดียวกับพลอย จากเดิมที่จะใช้เวลาเรียน ป.ตรี 2 ปี หรือถ้าขยันก็ 1 ปีครึ่ง
ก็จะต้องใช้เวลาเรียน 3 ปี ถ้าขยันก็ 2 ปีครึ่ง นั่นหมายความว่าทุกเทอมต้องลงเต็ม
ต้องสอบผ่านในครั้งเดียว และซัมเมอร์ก็ต้องลงเต็มเช่นกัน
เพราะฉะนั้นด้านเวลาจะเรียนที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน ทุกมหาวิทยาลัยต่างก็ใช้หลักสูตรใหม่กันหมด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มสธ.

สาเหตุที่มีผลต่อการตัดสินใจคือเรื่องของค่าลงทะเบียนเรียน บอกเลยว่าถูกมาก
ถ้าให้เทียบกับมหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ต้องบอกว่าพอ ๆ กันนั่นแหละ
เข้าครั้งแรก จ่ายเพียง 5,000 - 6,000 บาท เท่านั้น เทอมต่อ ๆ ไปก็ประมาณ 3,000 บาท
เทียบกับมหาวิทยาลัยของรัฐในสมัยนั้น ก็อยู่ที่ประมาณ 15,000 - 30,000 บาท ต่อเทอม

สาเหตุต่อมาคือต้องการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อหาประสบการณ์ 
ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้ทำงาน และเรียนเพียงอย่างเดียวก็ตาม

อีกเหตุผลหนึ่งคือแม่ก็จบจากที่นี่ และเห็นแล้วว่า มสธ.เป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพ แม้ไม่ใช่มหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ใครเห็นก็ต้องร้องว้าววว แต่เชื่อว่าคนที่จบได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดา

ส่วนเรื่องการต้องเรียนด้วยตนเอง อ่านเองนั้น ในตอนนั้นมองว่าไม่เป็นปัญหามากนัก
เพราะพอมีพื้นฐานตอน ปวส.มาบ้างแล้ว
แต่ถ้าต้องเรียนอะไรที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย คงต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว

รวม ๆ แล้วนี่จึงเป็นสาเหตุให้ตัดสินใจเรียนที่นี่

เพื่อน ๆ หลายคนต้องทำงานด้วยเรียนด้วย บางคนภาระที่บ้านมาก ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจเรียนที่ มสธ. บางคนก็เรียนมหาวิทยาลัยปิดอยู่แล้ว และยังเรียนมหาวิทยาลัยเปิดด้วย

เรียน 2 ที่ จบ ป.ตรีพร้อมกัน 2 ใบ ดีจะตายจริงไหม แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองอ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนรู้สึกว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง ที่ทำให้อยากเรียนที่นี่ไหมคะ

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ศัพท์ทางการเงินที่เด็ก ๆ ควรรู้

ในยุคนี้วัยรุ่นตื่นตัวกันมากเรื่องความรู้ทางการเงิน 
ทำยังไงให้รวย ต้องลงทุนอะไร เก็บเงินเท่าไหร่ 
พ่อแม่ก็อยากสอนค่ะ แต่ไม่รู้จะสอนลูก ๆ ยังไง 
วันนี้ก็จะมาบอกคำศัพท์ให้เด็ก ๆ ได้รู้กัน

1. รายได้

คำนี้ไม่รู้ไม่ได้ค่ะ นั่นคือรายได้ เด็ก ๆ จะต้องรู้ว่ารายได้คืออะไร รายได้คือเงินที่เราทำงาน แล้วได้มา พ่อแม่ทำงานพอถึงสิ้นเดือนที่ทำงานก็จะจ่ายเงินเดือน นั่นก็คือรายได้ หรือขายของ ลูกค้าจ่ายเงินมา นั่นก็คือรายได้ เด็ก ๆ ได้เงินจากพ่อแม่ นั่นคือรายได้ค่ะ

2. ค่าใช้จ่าย

เมื่อมีรายได้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายค่ะ มาเป็นของคู่กัน ค่าใช้จ่ายคือเงินที่เราจ่ายออกไปเพื่อกิน เพื่อใช้ เพื่อซื้อสิ่งของต่าง ๆ เราจะได้อะไรมาเราก็ต้องเสียเงินออกไป ของกิน หรือของเล่น น้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ต ทุกอย่างต้องเสียเงินทั้งนั้นค่ะ

3. เงินออม

เงินออม คือเงินรายได้ที่เรารับมา แล้วเราหักไว้ส่วนหนึ่งเพื่อ ออม เหลือเท่าไหร่ถึงค่อยเอาไป ใช้จ่าย หรือ ใช้จ่าย แล้ว เหลือ จึง ออม เงินออมนี้สะสมเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน เราจะได้มีเงินใช้ หรือ นำไปลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงยขึ้น (เด็ก ๆ อาจจะงงกับคำว่าลงทุน รออ่านต่อ ๆ ไปค่ะมีคำง่าย ๆ ที่เขาจะเข้าใจได้อยู่)

4. ต้นทุน
5. กำไร - ขาดทุน

คำนี้ไม่ยากเกินไปที่เด็ก ๆ วัยประถมจะเข้าใจ ต้นทุน คำนี้จะมาคู่กับคำว่า กำไร - ขาดทุน
เรามาดูตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ กันค่ะ


***  ต้นทุนปากกา 2 ด้าม 20 บาท ขายได้ 23 บาท กำไร 3 บาท ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่ผิด แต่ไม่อยากให้มองแบบนั้น เพราะจะทำให้ไม่เห็นสภาพแท้จริงของการขายนั้น 3 บาทนี้ไม่เรียกว่ากำไร แต่เรียกว่ากำไรสุทธิ ยากไปสำหรับเด็กประถม แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่สามารถทำความเข้าใจได้แน่นอนค่ะ

6. ดอกเบี้ย

คำนี้เด็ก ๆ เมื่อออมเงินไปสักพักแล้ว เขาจะได้ผลตอบแทนจากธนาคาร ออมไป 100 บาท ผ่านไป 1 ปี ได้เงินจากธนาคารเพิ่มขึ้นมา 0.25 บาท (25 สตางค์)


แม่ให้เงินคือรายได้ เมื่อออมเงินก็จะได้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยถือเป็นรายได้ของเราค่ะ เราเอาดอกเบี้ยที่ได้มาไปออมต่อ มันก็จะงอกเป็นดอกเบี้ยมาให้เราอีก เหมือนเราปลูกต้นไม้ ที่งอกออกมาเป็นต้นเงินเงินทองให้กับเรา ส่วนเงินที่ใช้ซื้อขนม คือค่าใช้จ่าย ที่เราจ่ายออกไปแล้วก็หมดไป ไม่ทำให้เกิดรายได้

ภาพแบบนี้จะทำให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ ถึง Cash Flow ได้ โดยที่เราไม่ต้องใช้คำยาก ๆ ทำให้ดูรู้สึกยาก ไม่อยากเรียนรู้ ไม่น่าสนใจ หรือบางคนก็ปิดกั้นตัวเองไม่อยากรับรู้ไปเลย หรือคุณพ่อ คุณแม่ จะใช้สถานการณ์จริงในชีวิต อธิบายให้คุณลูกเข้าใจ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้นไม้เงิน การ์ตูน

เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น อาจจะมัธยมต้น หรือประถมปลาย พอจะรู้เรื่องการเงินบ้างแล้ว จะมีคำศัพท์เพิ่มเติม เช่น คำว่า เงินกู้ , ดอกเบี้ยเงินกู้ , การลงทุน และเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นไปอีก เราก็ต้องสอนเรื่องการใช้บัตรเดบิต บัตรเครดิตต่อไป

มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสอนให้เด็ก รู้เรื่องการเงิน และควรคุยเรื่องสถานะทางการเงินของที่บ้านให้เขาเข้าใจ เพราะมิฉะนั้นแล้ว ลูกของคุณจะคิดว่าคุณเสกเงินออกมาได้ ประหนึ่งพ่อแม่มีบัตรกดเงินไม่จำกัดวงเงิน แล้วถ้าคุณไม่เคยขัดใจลูก ลูกอยากได้อะไรก็ซื้อให้ ไม่มีเงินก็หากู้มาให้ เขาจะไม่เห็นคุณค่าของเงิน เมื่อวันหนึ่งที่เขาโตขึ้น ทำงานแล้ว ทั้งคุณและเขาจะลำบากทั้งคู่


วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

จัดระเบียบบ้าน : ตู้เสื้อผ้า 1

สวัสดีค่ะ วันนี้จะพูดถึงเรื่องการจัดระเบียบบ้าน
การจัดระเบียบบ้านแตกต่างจากการทำความสะอาดบ้าน
เพราะการทำความสะอาด คือการทำให้มันดูสะอาด
ถ้าทำห้องหนังสือ ก็คือการปัด กวาด เช็ด ถูก เอาหนังสือไปรวม ๆ กันที่ใดที่หนึ่ง
แต่การจัดระเบียบ คือการคัด แยก เรียงเป็นหมวดหมู่ และวางในที่ที่เหมาะสม
ฉะนั้นการจัดระเบียบ จึงต่างจากการทำความสะอาด

แน่นอนว่าวันนี้หัวข้อของเราคือตู้เสื้อผ้า ปัญหาโลกแตกของสาว ๆ
มีเสื้อผ้าเต็มตู้แต่บอกว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่ แล้วก็ซื้อเข้ามาใหม่ทุกเดือน
หรือหาเสื้อผ้าตัวเก่งไม่เจอ หรือไม่ได้ใส่เสื้อมานาน เมื่อหยิบมาใส่ปรากฎว่าซีด และมีรอยปลวกแทะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตู้เสื้อผ้าล้น

เรื่องตู้เสื้อผ้า จะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ตอนแรกจะเกี่ยวกับการคัดเลือกเสื้อผ้า
ตอนที่ 2 คือการจัดเสื้อผ้าที่คัดแยกแล้วใส่ตู้
และตอนที่ 3 คือการจัดของจิปาถะ เช่นผ้าห่ม ผ้านวม ผ้าม่าน กระเป๋า ฯลฯ

ก่อนที่จะเริ่ม ขอถามก่อนว่าคุณรู้สึกยังไง เปิดประตูเข้าบ้านมา
แล้วเจอเสื้อผ้าแขวนตามที่ต่าง ๆ ของตัวบ้าน
มีราวตากผ้าในห้องรับแขก ห้องทำงาน
ตู้เสื้อผ้าล้นจนใส่เข้าไปได้ยาก จะหาเสื้อผ้าแต่ละทีเสียเวลาไปเยอะ

ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นสะใภ้จุฑาเทพ เมื่อหม่อมเอียดมาเยี่ยมบ้าน
แล้วเปิดประตูเข้ามา เห็นสภาพนี้คงเป็นลมหัวใจวายตายไปแล้ว
คุณไม่รู้สึกอะไรกับสภาพที่เป็นอยู่จริง ๆ หรอ

อย่าบอกนะไม่มีเวลา
เพราะถ้าคุณจัดมัน คุณจะไม่เสียเวลาหาเสื้อผ้า ไม่เสียเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่
ที่สำคัญไม่เสียสุขภาพด้วย เพราะเสื้อผ้ามันอมฝุ่น

เพราะฉะนั้นแล้วขั้นแรกในการจัดการกับมันคือการเอาเสื้อผ้าทั้งหมดของคุณ ที่มีในบ้าน
ไม่ว่าจะไปซุกที่ใดก็ตามออกมากองรวมกันค่ะ กองเป็นภูเขาไปเลย
คุณจะได้เห็นว่าตัวเองมีเสื้อผ้ามากมายแค่ไหน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กองเสื้อผ้า

หลังจากทำใจกับกองภูเขาเสื้อผ้าแล้ว ให้เราหยิบขึ้นมาทีละตัวค่ะ
แล้วถามตัวเองว่าเสื้อตัวนี้จำเป็นไหม ใส่บ่อยแค่ไหน
เสื้อผ้าที่ตัดสินใจง่ายที่สุดคือเสื้อผ้าที่เราหยิบมันมาใส่บ่อย ๆ ค่ะ
ถ้าเราใส่บ่อย แปลว่าเราชอบ ใส่แล้วสวยดูดี มีความสุข
เก็บไว้ค่ะ ในทางตรงกันข้าม เสื้อผ้าที่หยิบขึ้นมา
แล้วบอกตัวเองว่าฉันจะไม่ใส่มันอีก
เช่นเลอะคราบกาแฟซักไม่ออก ไม่มีวันใส่มันแน่ ๆ
ก็โยนทิ้งไปเลยค่ะ 
ให้เลือกจากตัวที่ตัดสินใจง่ายก่อน

ต่อมาจัดการกับเสื้อผ้าที่ตัดสินใจยาก หรือจริง ๆ คุณรู้สึกว่าตัดสินใจง่าย
แต่เป็นการตัดสินใจที่ผิด เช่น เก็บไว้เผื่อผอม
สิบปีที่แล้วก็พูดแบบนี้ ผ่านไป สิบปี 
จากไซต์ S กลายเป็น XL คุณยังคิดว่าจะผอมอีกหรอ
และถึงคุณจะผอมจริง ๆ เสื้อผ้าที่ทั้งเก่า ทั้งซีด
คุณยังจะกล้าเอามาใส่อีกหรือ 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ขอกำหนดตัวเลขง่าย ๆ ในการตัดสินใจค่ะ 1,3
ถ้าเสื้อผ้าชุดนั้นเป็นชุดแฟชั่นที่นิยมในช่วงนั้น ๆ และคุณซื้อเพราะมันกำลังฮิต
ถ้าผ่านไปแล้ว 1 ปี ไม่เคยหยิบมาใส่อีกเลย ให้บริจาคไปค่ะ

ถ้าเสื้อผ้าตัวนั้นเป็นชุดที่ไม่ได้แฟชั่นมาก ใส่ได้อยู่ ยังสวย สภาพดี
แต่คุณไม่ได้ใส่มันบ่อย ๆ อาจเพราะเป็นชุดราตรี ชุดไทย
ที่ต้องใส่ออกงาน และงานประเภทนี้ไม่ได้ไปทุกปี
เป็นชุดที่ไม่ตกยุค ถ้าไม่ได้ใส่เลยมา 3 ปีแล้ว ให้ทิ้งไปเลยค่ะ หรือบริจาค

ข้อสังเกตเผื่อหลาย ๆ คนแยกไม่ออก ชุดแฟชั่น คือชุดที่นิยมในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
เช่นปี 70s นิยมกางเกงยีนส์ขาม้า ปี 80s นิยมใส่กางเกงผ้าสีเลื่อม ๆ สะท้อนแสง
เมื่อตกยุคก็ไม่มีใครเอามาใส่กัน มันเชย 
ส่วนกางเกงสแลคสีดำ หรือกางเกงยีนส์ขากระบอก เป็นทรงที่ใส่ได้
ทุกยุค ทุกสมัย ไม่ว่าจะปี 70s 80s 90s จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมใส่เรื่อยมา

ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเราหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วดูมัน ชุดนี้ฉันใส่ เก็บไว้
ชุดนี้ฉันไม่ใส่ ทิ้งไป มันจะมีชุดจำพวกหนึ่ง
คือชุดที่คุณคิดว่าจะใส่ เผื่อได้ใส่ เก็บไว้ก่อนก็ได้ และถ้าเลือกแบบนี้
คนส่วนใหญ่จะเก็บมันเอาไว้ และรกตู้ต่อไปเพราะคุณจะไม่ได้ใส่มันเหมือนตอนที่คิด

ให้ใช้วิธีของ การจัดระเบียบของ KonMari นักจัดระเบียบบ้าน 
คือให้ถามตัวเองว่าเสื้อผ้าชุดนี้ทำให้มีความสุขหรือไม่
หยิบขึ้นมาลองทาบกับตัว มองซ้ายมองขวา
ถ้าคุณไม่ชอบ ตัวนี้ฉันใส่แล้วขาใหญ่เป็นตอม่อเลย
ตัวนี้ใส่แล้วพุงปลิ้น อ้วนเผละ ใส่แล้วคุณรู้สึกแย่
คุณจะตัดสินใจโยนลงถังง่ายกว่าการคัดว่าจะใส่หรือไม่ใส่เสียอีก

หรือบางชุดเราใส่แล้วไม่สวยหรอก แต่เป็นชุดที่พ่อแม่ซื้อให้ แฟนซื้อให้
มันมีความหมายกับคุณ คุณมักหยิบออกมาใส่ในโอกาสพิเศษ 
แบบนี้ก็เก็บไว้ค่ะ

ให้ดูว่าเสื้อผ้าชุดนั้น จุดประกายความสุขให้คุณหรือไม่
ถ้าคัดแยกเสื้อผ้าแบบนี้มันตัดสินใจง่ายขึ้นมากเลยค่ะ

มีครั้งนึงฉันซื้อเสื้อมาสวยถูกใจมาก แต่เมื่อกลับมาบ้านเอามาลองใส่
ปรากฎว่ามันไม่พอดีตัว มันเหมือนแหนมอะ ฉันก็บริจาคโดยไม่ลังเล
แม้ว่าเสื้อตัวนั้นจะซื้อมาไม่ถึง 1 วันก็ตามที

ประโยชน์ที่ได้จากการจัดบ้านและคัดเสื้อผ้า คือคุณจะรู้ว่ามีเสื้อผ้าเท่าไหร่
บางคนมีกางเกงใน 50 ตัว ทุกวันคุณจะรื้อ ๆ ตู้ หาตัวที่่ยางยืดไม่ย้วย
แต่เมื่อคุณจัด กางเกงในหายไปมากกว่าครึ่ง เหลือไม่ถึง 20 ตัว 
ทุกตัวสภาพดี พับเป็นระเบียบ เช้ามาเห็นแล้วชื่นตาชื่นใจ
มีความสุข สุขภาพจิตดี ไม่ต้องเสียเวลาหาของ
ประหยัดเวลา ประหยัดพื้นที่
คุณจะรู้ทันทีว่ามีกี่ตัว และควรต้องซื้อเพิ่มเมื่อไหร่

การจัดบ้านจึงเป็นการบำบัดจิตอย่างหนึ่ง
การคัดเสื้อผ้าก็เหมือนการคัดเอาสิ่งที่ค้างคาในใจเราออกไป
และในตอนเช้าเมื่อเริ่มต้นด้วยความสุข ไม่หงุดหงิดกับการหาของ
หรือเร่งรีบ คุณก็จะมีความสุขไปทั้งวัน

เอาไปใช้กันนะคะ แล้วมาต่อในตอนที่ 2 กับการพับผ้า จัดเก็บใส่ตู้



DBD Academy

สวัสดีค่ะ วันนี้มีอะไรมาแนะนำ ในโลกออนไลน์ ตอนนี้เราสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ผ่านออนไลน์ และเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย ก็มีหลักสูตรทั้งเรียนฟรี และเรียนแบบได้ใบประกาศ รวมถึงการเรียนแบบเสียเงินก็มี ที่จะแนะนำวันนนี้คือเว็บไซต์การเรียนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า http://dbdacademy.dbd.go.th

ตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 6 หลักสูตร กับ 27 หัวข้อวิชา
และมีวิชาที่สามารถเก็บ ชม. CPD ได้ด้วย

เปิดรับสมัครเรียน 17 เมษายน - 14 มิถุนายน 2562
เปิดเรียนช่วง 17 เมษายน - 10 กันยายน 2562



ในเว็บไซต์มีวิธีการสมัครเรียนอยู่ค่ะ สามารถทำได้ง่าย ๆ เลย แค่อ่านและยอมรับเงื่อนไข
จากนั้นใส่เลขบัตรประชาชน รหัสผ่านที่เรากำหนดเอง และใส่รายละเอียดให้ครบ

ตรงประเภทสมาชิก ถ้าใครได้ CPA แล้ว หรือขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชี
กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็จะปริ้นหลักฐานเก็บ ชม. CPD ได้

ส่วนบุคคลทั่วไป ก็เลือกประเภทสมาชิกทั่วไป 


โดยมีระบบการเรียน 2 ระบบ คือ VDO และ Audio เมื่อคลิกเลือกหลักสูตรที่เรียนแล้ว
ให้ Log in อีกครั้ง ด้วยรหัสที่สมัครไว้ค่ะ 

ก็ไปลองเล่นดูค่ะ ได้ความรู้ด้วย เรียนฟรีด้วย สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา มีระบบซัพพอร์ตหลายอย่าง
ทั้งกระดานสนทนา ส่วนของการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการเรียน
มีการรายงานผลการเรียน ถ้าใครเคยเรียน e-Learning ในเว็บอื่นมาก่อน
ก็จะเข้าใจระบบค่ะ ใช้งานง่าย ไม่ได้แตกต่างจากเว็บอื่น ๆ มากนัก

Review คดีร้ายสุภาพบุรุษอันตราย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คดีร้ายสุภาพบุรุษอันตราย

คดีร้ายสุภาพบุรุษอันตราย
สนพ.แจ่มใส
ติงโม่ เขียน
หยกชมพู แปล
2 เล่ม จบ 
ราคา 629 บาท

ซื้อเรื่องนี้มาอ่านเพราะได้ยินรีวิวจากหลาย ๆ คนว่าสนุกมาก และก็สนุกจริง ๆ ค่ะ
เรื่องนี้ทำเป็นซีรีย์แล้ว ชื่อ นักรัก นักสืบ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นักรัก นักสืบ

เป็นเรื่องราวของสาวน้อยที่พึ่งเรียนจบ เจี่ยนเหยา 
ในช่วงปิดเทอมรับทำงานพิเศษแปลเอกสารให้กับ ศจ.ป๋อจิ้งเหยียน
เจ้าของคฤหาสน์ในเมืองถง ผู้มีนิสัยประหลาด ชอบกินปลามาก
ไม่ค่อยเจอผู้คน หลงตัวเองสุด ๆ 

แต่แล้วทั้งคู่ก็รักกัน มันโรแมนติกมากกก เนื้อเรื่องจะสลับกัน
ระหว่างความรัก กับการสืบคดี ที่กลมกลืนกัน
เมื่อเจี่ยนเหยามาเป็นผู้ช่วย ป๋อจิ้งเหยียนก็สอนทุกอย่างให้เธอ
ศจ.ป๋อเป็นนักจิตวิทยาอาชญวิทยา ศึกษาเรื่องพฤติกรรมของอาชญากร
เพื่อระบุว่าอาชญากรเป็นคนแบบไหนลักษณะยังไง เพื่อช่วยสืบคดี

และคดีที่เขาเองก็เป็นเหยื่อด้วยคือคดีดอกไม้กินคน ป๋อจิ้งเหยียนก็ส่งเขาเข้าคุกไป ก่อนจะเดินทางกลับมาประเทศจีน กลับมาบ้านเกิด 

แต่ฆ่าตกรโรคจิตนั่น แท้จริงแล้วเป็นดอกไม้กินคนเบอร์ 2 ที่ติดคุก 
ส่วนเจ้าเบอร์ 1 อยู่ข้างนอกโดยไม่มีใครรู้ เขาอยากได้จิ้งเหยียนมาเป็นคู่หู
เขาทิ้งสัญลักษณ์ เป็นตัวเลขเลือดไว้ในคดีต่าง ๆ

เรทของเรื่องนี้ 20+ ไม่ได้เน้นอีโรติก แต่ที่เรทสูง เพราะพระเอกของเราทำแต่คดีใหญ่
จับแต่ฆาตกรโรคจิต เลยมีหลายฉากที่ฆ่าอย่างทารุณ ทรมาน และโหดร้าย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นักรัก นักสืบ

ช่วงท้ายของเรื่องเนื้อหาหนักนิดนึง เพราะเจี่ยนเหยาถูกจับไปทรมาน จิ้งเหยียนต้องวางแผน
ทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนรักออกมา เจี่ยนเหยาต้องอดทนกับการทรมาน
เพื่อรอจิ้งเหยียนมาช่วย 

อ่านแล้วฟิน ๆ กับนิสัยพระเอก น่ารัก โรแมนติก รักนางเอกม้ากมาก 
เหมือนกับผู้ชายที่มีนิสัยเรื่องมาก หรือจู้จี้ในบางเรื่อง น่ารำคาญ
ผู้ชายหล่อ ฉลาด รวย อาจเป็นที่หมายปองของผู้หญิงทุกคน
แต่นิสัยบางอย่างไม่ใช่ทุกคนจะรับได้ เจี่ยนเหยากับจิ้งเยี่ยนก็เป็นแบบนั้น

ถ้า 5 ดาว ก็ให้คะแนน 3.5 เพราะเรื่องนี้มีความหนักหน่วงในส่วนของคดี
ทั้งในส่วนของซีรีย์ หรือหนังสือ การดำเนินเรื่องเกี่ยวกับคดีของ
ดอกไม้กินคนทั้งหมด คดีย่อย ๆ ที่เกิดขึ้นมา มีความเกี่ยวพัน
และมีเบื้องหลังที่ดอกไม้กินคนหมด มีเรื่องดราม่าในช่วงท้าย

ได้ความรู้ด้านจิตวิทยาด้วย ติงโม่คือนักเขียนที่น่าชื่นชมมาก 
รายละเอียดในการแต่งนิยาย ข้อมูลต่าง ๆ ดีมากจริง ๆ 
มันมีความสมจริง และแสดงมิติของตัวละครได้ดี
มีเหตุมีผล ว่าใครเป็นแบบไหนมีนิสัยยังไง เพราะเลี้ยงดูมาแบบไหน
โตมาแบบไหน  สายฟินที่รอดูเรื่องฟิน ๆ อาจไม่ชอบ
และใครที่ไม่ชอบแนวสืบคดี ก็ผ่านไปเลยจ้า

เรื่องนี้ยังมีตัวละครน่ารัก ๆ อย่างเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพระเอก
คุณหมอผู้มีความสามารถ ทำตัวเหมือนแม่ เหมือนพี่เลี้ยง และเหมือนเลขา
ของจิ้งเหยียน คอยดูแล ใส่ใจและช่วยเหลือทุกอย่าง

ใครที่ชอบแนวนี้ก็ไม่ควรพลาดค่ะ

รีวิว วิธีบริหารเวลาให้คุ้มค่าที่สุดในแต่ละวัน

สวัสดีค่ะ  วันนี้มารีวิวหนังสือดีๆเกี่ยวกับการบริหารเวลา  อยากบอกว่าพลอยเป็นคนหนึ่งที่ทำงานเยอะมาก  อยู่บ้านก็ไม่เบื่อ ไม่ต้องออกไปเที่ยวไหนก็ได้ เพราะยุ่งตลอดเวลา ขนาดไม่มีงานก็ยังหางานให้ตัวเองทำได้ ต่อให้ไม่ทำงานประจำและอยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ว่างค่ะ  เพราะเป็นคนอยู่เฉยไม่ค่อยได้  และชอบทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันด้วย


จึงเป็นที่มาของการซื้อหนังสือเล่มนี้ เพราะว่ามีปัญหากับการทำงาน ทั้งงานประจำและอาชีพเสริม ซึ่งพลอยรู้สึกว่ามันดึงเวลาทั้งชีวิตไป และทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ด้วย  เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว 

หนังสือเล่มนี้ราคา 89 บาท  บางมากค่ะ  สามารถอ่านจบได้ใน30นาที หรือจะอ่านทีละบท  หรือเลือกอ่านบทที่อยากรู้ก็ได้  เพราะมีคำถามนำในแต่ละบทว่าเราอยากรู้เรื่องอะไรบ้าง ก็สามารถอ่านบทนั้นได้เลย

สรุปเลยคือ  1. ต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้างและอยากทำอะไร
2. ลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ  และดูว่าโจรขโมยเวลาคืออะไร  
3. คือการวางแผนโดยใช้ A L P E N
4. จัดลำดับความสำคัญของงาน A B C และการโอนงานให้คนอื่น
5. จัดระเบียบแต่ละวัน  เวลาไหนควรทำอะไรและคนเรามีประสิทธิภาพการทำงานช่วงเวลาไหนถึงดีที่สุด วางแผนวันพรุ่งนี้ในเย็นวันนี้  และมีทัศนคติเชิงบวก

สรุปของหนังสือเล่มนี้ก็จะประมาณนี้  ดีตรงแจกแจงขั้นตอนไว้ชัดเจน  เนื้อหาสั้นกระชับ  มีแต่ใจความสำคัญไม่ยืดเยื้อ

เดี๋ยวพลอยจะลงรูปการวิเคราะห์และวางแผนที่ได้ลองทำจากหนังสือเล่มนี้ให้ดูกันคร่าวๆ  



มีคำพูดหนึ่งที่หลายๆคนชอบพูดกันคือไม่มีเวลา  
ช่างไม้เลื่อยไม้อยู่ในป่า  เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเลื่อย  
และได้ไม้ที่น้อยกว่าคนอื่น  เมื่อมีคนเดินผ่านไป และทักเขาว่า
เลื่อยของคุณไม่คมแล้ว  ทำไมไม่ลับสักหน่อยละ
ช่างไม้ตอบว่า  ฉันไม่มีเวลา


เรื่องนี้บอกให้ทราบว่า คุณเอาแต่พูดว่าไม่มีเวลา  ถ้าหากคุณใช้เวลา  10  นาที 
เพื่อลับใบเลื่อยให้คม  คุณจะเลื่อยได้เร็วขึ้น  และได้ไม้มากขึ้น
ใช้เวลาน้อยลงกว่าเดิม
แต่คุณไม่ทำเพราะคิดว่า  10 นาทีนั้น  คือการเสียเวลา
สละเวลาในแต่ละวันเพื่อวางแผน  และเพิ่มเวลาในชีวิตคุณให้มากขึ้น


สิ่งที่คุณมองว่าเสียเวลา  จริงๆมันไม่เสียเวลาเลย
ถ้าคุณสละเวลาเล็กน้อย  เรียนรู้  คุณจะทำงานไม่ผิดและไม่ต้องใช้เวลาทั้งหมไปกับการแก้งาน
ถ้าคุณสละเวลาสักเล็กน้อย สอนงานลูกน้อง  คุณจะแบ่งงานให้ลูกน้องทำได้โดยไม่ต้องทำเองทั้งหมดแล้วมาบ่นทีหลัง
ถ้าคุณส่งลูกน้องไปเรียนงาน  อาจเสียเวลาบางส่วนไป  แต่ก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการตรวจเจอแต่งานผิดงานแก้

ฉะนั้นแล้วการบริหารเวลาจึงไม่ใช่เรื่องของการแบ่งว่าเวลาใดจะทำอะไร 
 แต่เป็นการคิดว่า จะทำกิจกรรมใด ให้มีประสิทธิภาพสูง  ใช้เวลา20%
เพื่อให้ได้ผล 80%

ที่สำคัญทำแล้วก็ต้องหมั่น  ปรับปรุง  ในแต่ละวัน  อยู่ที่วินัย  ต้องทำให้สม่ำเสมอ  ถึงจะได้ผล



วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

รีวิว สิงห์สถิต

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สิงห์สถิต

เรื่อง สิงห์สถิต
สนพ. ห้องสมุด
ผู้แต่ง FengHeYouYue
ราคาปกติ 375


ความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้สนุกค่ะ แนวพารานอมอล ระหว่างคน กับเสือดาว 
คิดว่าประมาณ 18+ เพราะถ้าใครเคยอ่านพารานอมอลของต่างประเทศ
แถบอเมริกาหรือยุโรป จะทราบว่าเรื่องแนวนี้ 18+ ถึง 25+
พอเอามาแปลไทยก็จะซอฟลงไปพอสมควร
เรื่องนี้จัดว่าเรท มีฉาก NC ใครที่ไม่ชอบ
ควรผ่านเลยไปค่ะ ใครที่อ่านแนว
ทะเลทรายมาบ้าง ก็จะชอบ แรงกว่าแนวทะเลทรายบ้านเรานิดนึง
แต่ถ้าเทียบกับทางยุโรป หรือนิยายอีโรติกโดยเฉพาะก็จะน้อง ๆ ไปเลย

เรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กสาววัยขบเผาะ ม.ปลาย "จี้เสี่ยวโอว" 
ที่ไปตั้งแคมป์กับเพื่อน ๆ แต่ยังไม่ทันถึงที่หมายเลย อยู่ ๆ รถที่นั่งมาก็เสียหลัก 
เธอกระเด็นตกผาไป แล้วก็หลุดมิติไปยังโลกอนาคต 
โลกที่มนุษย์สูญพันธุ์กันไปหมดแล้ว มีเพียงสัตว์ป่าหลายสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการตนเอง
จนสามารถแปลงร่างคล้ายมนุษย์ได้ ยิ่งเผ่าพันธุ์ใดเหมือนมนุษย์มากเท่าไหร่ แปลว่าเก่งกาจมากเท่านั้น

พอหลุดมิติมา เธอก็ต้องเอาชีวิตรอดด้วยของในกระเป๋า ที่เป็นเหมือนมิติน้อย ๆ
เชื่อมต่อกับที่เก็บของของรถบัส นั่นทำให้เธอมีอาหารและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ เอามา
แล้วเธอก็ไปช่วยชีวิตแมวน้อยตัวหนึ่ง "ไรอัล" (หรอออ) จริง ๆ คือเสือดาวตัวน้อย
คือร่างของพระเอก ที่ถูกทำร้ายจนกลับเป็นร่างสัตว์ แต่ไหงตัวหดกลายเป็นลูกเสือไปได้ก็ไม่รู้

เสี่ยวโอว ต้องการกลับบ้าน ไรอัลก็ต้องการกลับร่างเดิม เพื่อกลับไปยังฝูง ทั้งสองคนร่วมมือกัน
เพื่อเดินทางหาคำตอบ แต่แล้วศัตรูของไรอัลก็ตามมา และไรอัลก็ได้กลับร่างเดิม
เขาจึงพาเสี่ยวโอวกลับไปเผ่าในฐานะผู้หญิงของเขา

แต่ตัวเมียในทุกเผ่านั้นมีน้อยมาก จึงเกิดการแย่งตัวเมียกัน
 และบางเผ่าก็ใช้ตัวเมียร่วมกัน บางเผ่าก็จะมีคู่ชีวิต หรือผัวเดียวเมียเดียว 
เสี่ยวโอวดูจะถูกหมายตาไว้จากหลายเผ่า แต่ก็รอดมาได้ 555

ไม่สปอย แต่ให้อ่านเอาเอง จบดีค่ะ ไปลุ้น ๆ กันว่าสุดท้ายจะลงเอยยังไง 
นางเอกได้กลับบ้านไหม แล้วพระเอกตามนางเอกไปไหม หรือนางเอกจะตัดสินใจ
อยู่กับพระเอก เล่มแรกจะผจญภัย หลัง ๆ ก็จะ NC เยอะหน่อย 
โรแมนติกมาก เพราะพระเอกรักนางเอกมาก ทำทุกอย่างเพื่อนางเอก
ถือว่าเป็นนิยายอีกเรื่องที่น่าสนใจ




วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ย้ำปม ก็เหมือนเอาน้ำเกลือราดแผลสด

หลาย ๆ ครั้งก็ไม่เข้าใจว่าคนที่ทำแบบนั้นเขาทำไปเพื่ออะไร (ตอนนี้ก็ไม่เข้าใจ)
หรือเขาไม่ทันคิด คิดไม่ถึง หรืออะไร

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อ้วน

บางคนอ้วน เขาก็เครียดอยู่แล้วนะ ยังเจอคำถามย้ำอีก ทำไมอ้วน (กินไง ถามได้)
ไปทำไรมาถึงอ้วน (กินไง กิน )
ทำไมไม่ผอม (ก็อ้วนไงเล่า)

เด็กบางคนพ่อแม่เลิกกัน ก็ไปถามอีก
ทำไมเลิกกัน เลิกกันทำไม
พ่อยู่ไหน แม่อยู่ไหน
ตอนนี้อยู่กับใคร

คนไม่สนิทกันเขาก็ไม่ถามกันนะ คนสนิทกันเขาอาจมีถามกันบ้าง
แต่ไอ้ที่ใน 1 ชม.คำถามไม่ซ้ำกัน
ถามย้ำ ๆ แต่เรื่องเดิม ๆ
คือไร....
ไม่เข้าใจ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทะเลาะ

บางคนสามีนอกใจ มีคนอื่น
ก็ไปถามเขา ทำไมเขาถึงไป (ถ้ารู้มันคงไม่ไปแล้ว)
ไปเจอคนใหม่ที่ไหน (จะไปรู้กะมันไหม)
มันไปได้กันตอนไหน (เอ้า ไม่ได้แอบใต้เตียง)
เธอไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบรึเปล่าเขาถึงทิ้ง
(เอ้า.... ไหงวกมาทางนี้)

คือคุณคะ เรื่องต่าง ๆ มันก็ทำคนเขาเสียใจ
เจ็บใจ ช้ำใจพอแล้ว แผลยังสด ๆ 
คนพวกนี้ก็ไปถามย้ำ ๆ อยู่ได้

บางคนก็ซื่อค่ะ เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ
เรื่องนี้เข้าใจ เพราะเคยเจอกับตัว
สังคม สภาพแวดล้อม ครอบครัว
เขาเปิดเผยมาก คุยกันหมด เรื่องส่วนตัวก็เอามาคุยกัน
คนในหมู่บ้านเขาเป็นแบบนี้กัน
เขาจึงไม่รู้สึกว่าการถามแบบนี้มันผิด

แต่ให้ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ 
ถ้าเราเจอคำถามแบบนี้ ย้ำ ๆ 
เรารู้สึกยังไง นั่นแหละค่ะ
คนที่เราไปถามเขาก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

แต่บางคนก็ไม่ได้ซื่อนะคะ
จงใจเลย รู้ว่าทำคนรู้สึกแย่
ก็ยังจงใจพูด คนประเภทนี้เลี่ยงได้ให้เลี่ยงค่ะ
เราคงไม่สามารถไปแก้อะไรเขาได้
แก้ที่ตัวเราเองดีกว่าค่ะ

ส่วนคนที่ไม่ได้เจตนา ไม่รู้ตัว
ก่อนจะพูดจะถาม ก็เอาใจเขามาใส่ใจเราก่อนนะคะ

เกมความสัมพันธ์ ที่ไม่ต้องชนะเสมอไป

หลาย ๆ ครั้งในชีวิตเรา ก็ทำผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว 
หนึ่งในนั้นก็คือการเอาชนะ ในความสัมพันธ์หลาย ๆ คู่ต้องเคยทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
 เช่น ฉันคิดว่าแยมส้มอร่อยกว่า หรือสีนี้ดีกว่าสีนั้น 
สุดท้ายก็จบด้วยการทะเลาะกัน เถียงกันไม่จบสิ้น
เพราะอยากเอาชนะ อยากให้อีกฝ่ายยอมรับ
อยากยืนยันว่าที่ตัวเองคิดคือสิ่งที่ถูกต้อง

เครดิต:Getty Images/iStockphoto

เราจะเถียงกันไปทำไม ต้องเอาชนะกันไปทำไม
เราจำเป็นจริง ๆ หรือ ที่ต้องเอาชนะ
คนที่เขารักเรา
รู้สึกภูมิใจ และมีความสุขจริงหรือ
เราจำเป็นจริง ๆ หรือ ที่ต้องทำให้
คนที่เรารักเขาพ่ายแพ้
เขารู้สึกแย่


ไม่เลย คุณไม่มีความสุข คู่รักของคุณก็เช่นกัน
แล้วจะเอาชนะไปเพื่ออะไร
ไม่จำเป็นเลยต้องเอาชนะ
คนเราเกิดมาต่างกัน เลี้ยงดูต่างกัน
ย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

แค่เราให้เกียรติกัน เคารพซึ่งกันและกัน
และรับความคิดแตกต่างให้ได้
เธอคิดแบบนี้
ฉันคิดแบบนี้
และถ้าคิดแตกต่างกันก็ต้องหาจุดที่ยอมรับ
ร่วมกันได้

ความสัมพันธ์ ถ้าจะให้รอด
ไม่ต้องเอาชนะเสมอไปก็ได้
เพราะสุดท้ายจะไปไม่รอดและคุณก็ได้แพ้
ในเกมความสัมพันธ์นี้แล้ว

แต่ถ้าคุณยอมแพ้บ้าง ชนะบ้าง ถอยคนละก้าว
หาจุดร่วมกัน ไม่ต้องชนะกัน
มันก็ไปกันรอด 
คุณก็ชนะเกมความสัมพันธ์นี้แล้ว